Bosideng ... แบรนด์เสื้อกันหนาวจีนที่แหกกฎการสร้างแบรนด์โลก (ตอน 3) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
Bosideng ... แบรนด์เสื้อกันหนาวจีนที่แหกกฎการสร้างแบรนด์โลก (ตอน 3) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน
แล้ว Bosideng ดำเนินการปรับโฉมอะไรอีกบ้าง เราไปคุยกันต่อเลยครับ ...
ในด้านช่องทางการจัดจำหน่าย Bosideng ก็พยายามขยายช่องทางที่ผสมผสานทั้งออฟไลน์และออนไลน์มากขึ้น ในด้านหนึ่งก็เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคที่ต้องการได้อย่างเหมาะสม และในอีกด้านหนึ่ง ก็ต้องการเพิ่มความสะดวกแก่ผู้บริโภคในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัท ขยายการรับรู้สินค้าซีรีย์ใหม่ที่ล้ำสมัยได้อย่างรวดเร็ว
Bosideng เดินหน้าปรับโครงสร้างช่องทางจัดจำหน่ายที่เกี่ยวข้องในหลายส่วน เพื่อให้สอดรับกับสภาพปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤติโควิดและพฤติกรรมการบริโภคในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ในส่วนแรก บริษัทปรับลดจํานวนร้านค้าปลีกออฟไลน์โดยรวมนับร้อยแห่ง โดยจำแนกเป็นการลดจำนวนร้านที่ดําเนินการด้วยตนเองลง 193 แห่งเหลือ 1,206 แห่ง และเพิ่มร้านค้าปลีกที่ดําเนินการโดยผู้จัดจําหน่ายบุคคลที่ 3 จำนวน 83 แห่งเป็น 2,107 แห่ง
ในอีกส่วนหนึ่ง Bosideng ได้ขยายช่องทางจัดจำหน่ายออนไลน์มากขึ้น โดยร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำของจีน เช่น Alibaba (อาลีบาบา) รวมทั้งยังหันไปให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปต่างประเทศด้วยเช่นกัน
จากข้อมูลของสมาคมเสื้อผ้าแห่งชาติจีนระบุว่า ในปี 2020 ตลาดเสื้อกันหนาวของจีนมีมูลค่าสูงถึง 130,000 ล้านหยวน และเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 10% ต่อปี
กอปรกับกระแสความนิยมการตั้งแคมป์และการใช้ชีวิตในชนบทที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในจีน รวมทั้งผลพลอยได้จากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ที่ปักกิ่ง ก็กระตุ้นความหลงใหลในการเล่นสกีและกีฬาฤดูหนาวอื่น
ยิ่งพอสภาพอากาศในจีนที่หนาวเย็นกว่าปกติในช่วงหลัง ก็ทำให้ตลาดเสื้อกันหนาวของจีนขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้น ก็เป็นเสมือน “จุดสว่าง” ที่ปลายอุโมงค์ของบริษัทในเวลาต่อมา
นอกเหนือจากการริเริ่มกิจกรรม/โครงการด้านการตลาดที่เป็นส่วนหลักของ Bosideng เองแล้ว บริษัทยังใช้จังหวะโอกาสนี้ “อ้าแขน” ออกไปโอบกอดกิจการต่างชาติที่ต้องการขยายโอกาสทางธุรกิจในจีน ทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก ซึ่งส่งผลให้แบรนด์ Bosideng สามารถ “ทวีกำลัง” ภาพลักษณ์กับแบรนด์ชั้นนำของต่างชาติ และเสริมสร้างรายได้และผลกำไรโดยรวมของบริษัท
อาทิ การเป็นพันธมิตรกับ Bogner (บ็อกเนอร์) ซึ่งเป็นแบรนด์กีฬาฤดูหนาวและไลฟ์สไตล์สัญชาติเยอรมนีที่มีอายุกว่า 75 ปี แบรนด์นี้โด่งดังจากการริเริ่มเป็นผู้จัดแฟชั่นโชว์เสื้อผ้ากีฬาฤดูหนาวรายแรกของโลกในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ผู้บริหารระดับสูงของ Bogner กล่าวในท่อนหนึ่งว่า การเป็นพันธมิตรกับ Bosideng ถือเป็น “ก้าวย่างสําคัญในเส้นทางการเติบโตในเวทีโลกของเรา และมีส่วนสนับสนุนกลยุทธ์ความเป็นสากลของเราอย่างสมบูรณ์แบบ ...”
“... เป้าหมายของ Bogner คือ การเป็นผู้เล่นที่เป็นที่ยอมรับในตำแหน่ง “Athluxury Sports Fashion” (แฟชั่นเสื้อกีฬาหรูหรา) ในจีนแผ่นดินใหญ่ สร้างมิติใหม่ให้กับการผสมผสานระหว่างแฟชั่นและกีฬา”
ความตกลงระหว่าง Bosideng และ Bogner นำไปสู่โครงการความร่วมมือมากมาย อาทิ การจัดตั้งสถานะด้านดิจิตัล และการเปิดร้านค้าปลีกจำนวน 80 แห่งในช่วง 5 ปีหลังจากนั้น
ความมุ่งมั่นในการทํางานร่วมกันเพื่อสร้างยอดขายยังขยายวงไปสู่แบรนด์ “Fire+Ice” (ไฟและน้ำแข็ง) ที่จับตลาดผู้ซื้อที่อายุน้อยกว่าและขับเคลื่อนด้วยแฟชั่นมากขึ้น ซึ่งนำเสนอในห้างสรรพสินค้าสุดหรูในจีน เช่น Plaza 66 ในใจกลางนครเซี่ยงไฮ้และ SKP ในกรุงปักกิ่ง
และด้วยผลจากการปรับกลยุทธ์และการดำเนินกิจกรรม/โครงการดังกล่าว ก็ทำให้ Bosideng สามารถเพิ่มยอดขาย 20.9% เป็น 7,500 ล้านหยวน และทำกำไรในระดับที่สูงกว่า โดยเพิ่มขึ้นถึง 25% เป็นเกือบ 920 ล้านหยวนในปี 2023
นี่หากพิจารณาถึง “เทศกาลน้ำแข็งและหิมะโลก” ที่จัดได้ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จมากขึ้นโดยลำดับ และ “Harbin 2025” ที่นครฮาร์บินจะได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ฤดูหนาวในปีหน้าด้วยแล้ว Bosideng ก็น่าจะเสริมสร้างแบรนด์และโกยเงินหยวนเข้ากระเป๋าอีกเป็นจำนวนมาก
ในตลาดต่างประเทศ บริษัทยังเดินหน้าแคมเปญ “ตะวันออกพบกับตะวันตก” โดยขยายความร่วมมือกับนักออกแบบระดับนานาชาติผ่านหลายโครงการ อาทิ “Bosideng International Designer Joint Series” ในระหว่างปี 2019-2020 โดยจับมือกับนักออกแบบเสื้อผ้าชั้นนำ 3 รายจากสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และอิตาลี
รวมไปถึงการร่วมมือกับอดีตผู้อํานวยการฝ่ายออกแบบของ Ralph Lauren (ราล์ฟ ลอเรน) และหัวหน้านักออกแบบของสายแฟชั่น Louis Vuitton (หลุยส์ วิตอง) และ Givenchy (จิวองชี)
นอกจากนี้ Bosideng ยังเปิดไลน์ผลิตภัณฑ์ผ่านการพัฒนาเสื้อแจ็คเก็ตขนเป็ดรุ่นใหม่กับทากาดะ เคนโซ (Takada Kenzo) และฌอง ปอล โกลติเยร์ (Jean Paul Gaultier) หนึ่งในไอคอนการออกแบบของฝรั่งเศส และอดีตทีมงานฝ่ายศิลป์ของแบรนด์ Hermes (แอร์เมส) ที่แหวกกฎแฟชั่นและนําเสนอการออกแบบแฟชั่นสู่อนาคตสําหรับผู้บริโภค
นอกเหนือจากการเข้าร่วมงานสัปดาห์แฟชั่นในจีนมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน นับแต่ปี 2018 Bosideng ยังขยายความร่วมมือกับสัปดาห์แฟชั่นในหัวเมืองใหญ่ของโลก อาทิ ลอนดอน มิลาน และนิวยอร์ก เพื่อจัดแสดงให้โลกเห็นถึง “แฟชั่นที่มีอัตลักษณ์ของจีน” ในเวทีระหว่างประเทศ
แถมยังกลับไปเปิดร้านค้าปลีกระดับไฮเอนด์ในอิตาลีอีกหลายร้อยแห่งในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลอนดอน และอิตาลี เพื่อสร้างการรับรู้และบริการหลังการขายแก่ผู้บริโภค
Bosideng ยังร่วมมือกับแบรนด์สินค้าแฟชั่นชั้นนำของจีนและต่างประเทศมากมาย อาทิ Saturnino (แซ็ตเทิร์นนิโน) แบรนด์แว่นกันแดดของอิตาลี Moose Knuckles (มูส นัคเคิ้ลส์) แบรนด์เสื้อผ้าของแคนาดา และ Marrknull (มาร์คนัลล์) แบรนด์เครื่องประดับที่เข้าร่วมงานสัปดาหแฟชั่นในยุโรปอย่างต่อเนื่อง
Bosideng อะไรอีกบ้างตามไปอ่านต่อตอนหน้ากันครับ ...