TNN online สังคมป่วย! “ขาดยา-รวยกระเช้า-ขอขมา”

TNN ONLINE

สังคม

สังคมป่วย! “ขาดยา-รวยกระเช้า-ขอขมา”

สังคมป่วย! “ขาดยา-รวยกระเช้า-ขอขมา”

เรื่องราวข่าวในรอบปี ซึ่งเกี่ยวกับ”สังคม”ที่จะนำมากล่าวถึงนี้ ขอย้ำว่าไม่ใช่เป็นการซ้ำเติม แต่จะยกมาเป็นกรณีศึกษา เพื่อทำให้การอยู่ร่วมกันในสังคม ได้อย่างสันติ

 

วิถีชีวิตของมนุษย์หรือลักษณะตามธรรมชาติของมนุษย์ ก็คือการอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม และจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาอาศัยบุคคลอื่นๆ เช่น เมื่อแรกเกิดต้องอาศัยพ่อแม่พี่น้องคอยเลี้ยงดู และเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะต้องมีสัมพันธ์กับเพื่อน ครูอาจารย์ และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่เรียกว่ากันโดยทั่วไปว่า สังคม

 

ขณะที่ธรรมชาติของมนุษย์ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ จึงต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น ดังนั้นการอยู่ร่วมกันจึงต้องเคารพกฎกติกาและระเบียบของสังคมนั้นๆเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ!

 

เรื่องราวข่าวในรอบปี ซึ่งเกี่ยวกับ”สังคม”ที่จะนำมากล่าวถึงนี้ ขอย้ำว่าไม่ใช่เป็นการซ้ำเติม แต่จะยกมาเป็นกรณีศึกษา เพื่อทำให้การอยู่ร่วมกันในสังคม ได้อย่างสันติ

 

 

เริ่มจากข่าวเดือด”นายรชฏ หรือ หนุ่มแว่น”ที่สติแตก!

 

หลังเกิดอุบัติรถชนกับคู่กรณี บนถนนอุทยาน หรือ ถนนอักษะ ย่านทวีวัฒนา กทมเชื่อมต่อ อ.พุทธมณฑล .นครปฐม

แทนที่ หนุ่มแว่น จะระงับอารมย์ แต่กลับ ตะโกนด่าต่างๆนานา ใส่คู่กรณี รวมทั้งด่ากราดคนไทย

 

“เป็นขยะสังคม ไม่มีปัญญาซื้อรถอย่างตนเอง มีเงินเท่าไร มีถึงล้านไหม พวกขับกระบะขับแย่ทุกคัน เขาไม่แคร์คนไทย ไอ้พวกคนไทยชั้นต่ำทั้งประเทศ   มีเงินล้านไหม ตนเองเป็นลูกเศรษฐี มีบ้านไหมแลนด์แอนด์เฮ้าส์ หลังละ 5 ล้านบาท อายุเท่านี้มีมากกว่าคุณ 

 

ทำไมคนไทยชอบเสือก และ กูเกลียดประเทศไทย ฉันไม่น่ากลับมาที่นี่

 

ทันทีหลังโพสต์ดังกล่าว ถูกแชร์ออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้กระแสเกลียดชัง”หนุ่มแว่น”พุ่งพรวด!

 

ทันทีที่เขาถูกคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.พุทธมณฑล ทำให้ประชาชนที่เกลียดชัง”หนุ่มแว่น”ต่างเดินทางมาเพื่อขอดูหน้า และสอบถามว่า ด่าคนไทย ทำไหม ซึ่งต่อมา กลุ่มคนเหล่านั้น ถูกนักจิตวิทยา มองว่า ป่วยมากกว่าหนุ่มแว่นหรือไม่?

 

  สังคมป่วย! “ขาดยา-รวยกระเช้า-ขอขมา”

ความบ้าระห่ำ ด่ากราดคนไทย ของหนุ่มแว่น ที่ผู้ปกครอง บอกว่า “ลูกชายไม่ได้กินยาแก้โรคซึมเศร้า” ที่เป็นประเภทควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อมีความเครียด โดยเมื่อเกิดเหตุด้วยความรีบและไม่เข้าใจการขับรถของคนไทยจึงเกิดอาการโมโหขึ้นมาและควบคุมการแสดงอารมไม่ได้

ส่วนตัว”หนุ่มแว่น” ได้ยกมือไหว้ขอโทษสังคมด้วยสีหน้าสลดและมีท่าทีเหนื่อยล้า ได้บอกว่าเขาป่วยจริง และเสียใจขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาไม่ได้กินยาระงับอาการไว้จริงๆ

กรณีนี้บทสรุปคือ”หนุ่มแว่น”ถูกแจ้ง 2 ข้อหาคือ หมิ่นประมาทซึ่งหน้า และทำร้ายร่างกาย ก่อนส่งตัว สถาบันกัลยาราชนครินทร์ สาย 4 เพื่อเข้ารักษาตัวโรคซึมเศร้าและโรคประสาท โดยทางสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ได้ทำการควบคุมตัวเพื่อตรวจและรักษาว่าเป็นโรคประสาทหรือเป็นโรคซึมเศร้าจริงหรือไม่ โดยต้องกักตัวไว้ประมาณ 45-48 วัน

 

 

มาถึงเรื่อง แบบ งุนงง! ของสาวดาราดัง

 

หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะที่เธอ ยอมรับว่า เป็นคน”คิดเร็วพูดเร็ว” ด้วยเกิดอาการงุนงงสงสัยปนหัวร้อนนิดๆ โพสต์เล่าเหตุการณ์ที่ขับรถผิดกฏจราจร จนถูกตำรวจเรียกจอด แต่กลับแสดงท่าทีเหมือนไม่อยากเขียนใบสั่งให้ ว่า..

 

"ด้วยความไม่รู้ทาง วันนี้ต้องขับรถเองเพื่อเอารถไปเข้าฉาก ขับผิดเลนแล้วหักออก ถูกตำรวจจับ ยอมรับมันคือสิ่งถูกต้องสำหรับการผิดกฏ ประโยคแรกที่พูดกับคุณตำรวจ "เขียนใบสั่งได้เลยค่ะ (อินเนอร์คือผิดยอมรับไม่ได้กวน) 

แต่คุณตำรวจทำเป็นถามนั่นนี่เดินวนไปวนมา ถามแม้กระทั่งชื่อยี่ห้อรถ (เออท้ายรถที่เดินวนไปมาก้อมียี่ห้อติด) คือแบบรู้เลย จะเอาตังเพราะคนส่วนมากจะขอช่วยหน่อยน้า เลยพูดไปว่า ขอโทษนะคะที่ทำให้เสียเวลา เขียนใบสั่งมาเถอะค่ะ ทำผิดก้อต้องปฏิบัติตามกฏ 

ถ้าตำรวจมายกโทษให้เรารับตัง ก้อคงมีคงผิดแบบนี้ไปเรื่อยๆ สังคมมันถึงได้เห็นแก่ตัวขึ้นทุกวัน พูดแรงไปมั้ยอะ!!! แต่มันคือเรื่องจริง

ตำรวจดีๆก้อมีเยอะ แต่คนเกลียดตำรวจมันก้อไม่ต่างกับสุภาษิตไทย #ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง

  สังคมป่วย! “ขาดยา-รวยกระเช้า-ขอขมา”


จากโพสต์งุนงงสงสัยปนหัวร้อน ของเธอ ทำเอาโชเชียลร้อนฉ่า และถือว่าเธอ ผิดพลาดอย่างมหันต์นำมาซึ่งความเดือดร้อนให้กับ ผู้เป็นสามี และครอบครัว


เรื่องนี้แม้ต่อมา เธอยอมรับผิด นำกระเช้าเข้าไปกราบแบบขอโทษงามๆกับ ตำรวจ ที่เธอกล่าวหาในโพสต์

พร้อมๆกับบอกว่า ยอมรับผิดทุกอย่าง ตอนนี้ได้พี่คนขับรถไปจ่ายค่าปรับแล้ว และยืนยันว่าทางตำรวจทำถูกต้องทุกอย่าง ส่วนโซเชียลที่ถล่ม เธอกลับมองว่าเป็นกระจกชั้นดีที่สะท้อนให้เราเห็นตัวเรา


แต่เรื่องนี้ได้ขยายผล ไปสู่การตรวจสอบความถูกต้องของรถหรู  ทำให้สามีเธอ นายจรินทร์ หรือ จิน ธรรมวัฒนะ ต้องเดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.เพื่อนำเอกสารเกี่ยวกับตัวรถยนต์หรู มาให้ตรวจสอบ

ส่วนดีเอสไอ หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็ได้เข้ามาเอี่ยวกับกรณีรถหรู โดยบอกเพียงว่า รถของเธอ อยู่ในบัญชีรถหรูที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งจากวันนั้น จนถึงวันนี้ ยังเงียบ!

ขาลงหนังน้องเดียว-เหตุใจร้อนและยิ่งผยอง

อีกกรณีศึกษา สำหรับข่าวดังในรอบปี เมื่อ”หนังน้องเดียว” ลูกทุ่งวัฒนธรรม หรือ นายบัญญัติ สุวรรณแว่นทอง หนังตะลุงตาบอด ชื่อดังของภาคใต้ ออกอาการฟิวส์ขาด ด่าพระหลังไม่พอใจขณะไปแสดงในงานแก้บน ที่วัดเนินพิจิตร ต.เนินพิจิตร อ.นาหม่อม จ.สงขลา และมีพระรูปหนึ่งในวัด พูดว่า ถ้าเป็นผม ผมไม่รับหนังน้องเดียวมาเล่นเพราะ "ค่าราด" คืนละ 80,000 แพงมาก และเล่น "แต่สวน" (หมายถึง เล่นอยู่คนเดียว) ในการแสดงหนังค่ำคืนนั้น หนังน้องเดียว ได้นำเอาเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ จากพระว่า "ค่าราด" แพงมาเป็นประเด็น เปิดฉากด่าพระในวัดเนินพิจิตรต่างๆ นานา เช่น "ไอ้โล้น"

จากคำด่า...สร้างความไม่พอใจให้กับคณะกรรมการวัดและเจ้าอาวาส ต่อมา เจ้าคณะจังหวัดสงขลา พระราชวรเวที ได้ออกหนังสือ ประณาม ว่า หนังเดียวมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่เคารพพระ และสถานที่ กล่าววาจาไม่สุภาพ จึงได้ส่งหนังสือขอความร่วมมือจากวัดต่างๆ ให้ระงับ หรือ ยกเว้นการนำหนังตะลุงคณะดังกล่าว มาแสดงในวัดอีก จนกว่าจะออกมาแสดงความรับผิดชอบในพฤติกรรมของตนเอง


  สังคมป่วย! “ขาดยา-รวยกระเช้า-ขอขมา”


ขณะที่   หนังตะลุงตาบอด  ยังไม่สำนึก แต่กลับอัดคลิป ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น และยังมีการกล่าวสาปแช่ง  โดยขอบารมีครูหมอของตนเองศักดิ์สิทธิ์  ให้พระจะต้องตายในไม่ช้า  ถ้าครูหมอตนเองไม่แน่จริง คงจะไม่มีเจ้าภาพว่าจ้างจนคิวเต็มถึงปี 2566 แล้ว  ซึ่งคลิปดังกล่าวได้มีการพูดถึงและวิพากวิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ 

เรื่องนี้ได้ขยายวงกว้าง ทำให้คนใต้ จำนวนมาก ต่างไม่พอใจในพฤติกรรมของหนังน้องเดียว ทั้งๆที่เขาคือ บุคคลที่ดังขึ้นมา นอกจากด้วยความสามารถของเขาแล้ว อีกส่วนหนึ่ง ก็มาจากความสงสาร ที่เขาคือ หนังพิการตาบอด แต่เมื่อจิตใจของเขา ถูกสังคมพิพากษาว่า “ใจบอด”ประกอบกับ มีศิลปินรุ่นพี ซึ่งเป็นผู้มีพระคุณของเขา อย่าง เอกชัย ศรีวิชัย ได้ตักเตือนและขอให้ไปขอโทษ ขอขมา พระสงฆ์ เพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้นและต่อมาได้นำพวงมาลัย เข้าไปกราบขอขมา โดยสังคมมองว่า ปัญหาจะยุติลง

 หนังน้องเดียว ที่ตัวเขาเองยอมรับว่า เป็นคนใจร้อน และมั่นใจในตัวเองสูง โดยที่เขายังปักใจเชื่อว่า สิ่งที่ตนเองพูดและทำ ถูกต้อง ที่เกิดมาจากจิตใต้สำนึกไม่มีใครบังคับ พร้อมกับยังอ้างว่ามีเสียงจากผู้หลักผู้ใหญ่บางท่านชื่นชมที่ออกมาด่าพระไม่ดี เพราะไม่มีใครกล้าทำ

 แน่นอนสำหรับเรื่อง”กฏแห่งกรรม”หรือเรื่อง”บาป บุญ คุณ โทษ”ถือว่าอะไรก็ไม่สามารถห้ามได้ เมื่อสิ่งที่หลายคนไม่คาดคิด มันได้บังเกิดขึ้นกับ”หนังน้องเดียว”เมื่อชีวิตครอบครัวของเขา ต้องแตกร้าว มีปัญหากับภรรยา ถึงขั้นขึ้นโรงพักแจ้งจับ ภรรยาว่า ยักยอกรถ ขณะที่ ภรรยา ออกมาชี้แจงกับสังคม ว่าปัญหาเกิดขึ้น เพราะสามีเธอ คือ”หนังน้องเดียว”ไปมีภรรยาน้อย ถึงขั้นจะหย่าและไปแต่งงานใหม่

ใช่อยู่นี่คือ ปัญหาครอบครัว ที่ไม่สามารถไปละเมิดสิทธิ์กันได้ แต่สำหรับ”หนังน้องเดียว”บุคคลผู้มีชื่อเสียง ถือเป็นกรณีศึกษา ว่าเหตุและผล สำหรับชีวิตชะตากรรมของเขา ส่วนหนึ่งมาจากผลกรรม ที่เกิดจากการด่าพระ ผลกรรมที่เกิดจากคำสาบานของเขาหรือไม่...ถือเป็นสิ่งที่”หนังน้องเดียว”น่าจะนำไปขบคิด...!

าก 3 เรื่องราว ฉาวโฉ่ ข้างต้น ถือเป็นกรณีศึกษา ที่สามารถนำมาใช้เตือนสติ ผู้คนในสังคมได้เป็นอย่างดี ว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมให้ดี ได้อย่างไร ไม่ใช่ ทำผิดแล้ว ค่อยนำกระเช้าไปกราบขอโทษ หรือ จบด้วยอาการคลั่ง ขาดยา เพราะโรคซึมเศร้า เพื่อขอใช้สิทธิ ยกเว้นโทษตามกฎหมาย


เพราะหากสังคมป่วย ปัญหาต่างๆก็จะตามมา ดังนั้น เราต้องมีสติ!!!


ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง