WHO ยันวัคซีนของแอสตราเซเนกา ไม่เกี่ยวภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

วันนี้( 16 มี.ค.64) องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ออกมากเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ อย่าตื่นตระหนกและอย่าหยุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ขณะที่หลายประเทศในสหภาพยุโรป หรือ อียู ระงับการฉีดวัคซีนโควิดอ็อกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกา (Oxford-AstraZeneca) โดย WHO ระบุว่า ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนกับภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ทั้งนี้ ทั้งเยอรมนี, ฝรั่งเศส, อิตาลีและสเปน ร่วมกับประเทศขนาดเล็กอีกหลายประเทศ หยุดการฉีดวัคซีนโควิดที่พัฒนาร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดกับบริษัทแอสตราเซเนกา ของอังกฤษ เพื่อเป็นการป้องกันล่วงหน้า ขณะที่กำลังตรวจสอบถึงผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์หลังการใช้วัคซีนยี่ห้อนี้

ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยวัคซีนของ WHO กำลังประชุมร่วมกันในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับวัคซีนอ็อกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกา ขณะที่องค์การยายุโรป หรือ EMA จะจัดการประชุมในวันเดียวกันและมีกำหนดสรุปความคิดเห็นต่างๆในวันพฤหัสบดี อย่างไรก็ตาม EMA บอกว่า ประเทศต่าง ๆ ควรจะเดินหน้าใช้วัคซีนตัวนี้ต่อไป

ทั้งนี้ มีจำนวนผู้ป่วยเป็นภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลายรายในยุโรป หลังรับวัคซีนโควิดของอ็อกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกา แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญ ยืนยันว่า การเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันนี้ ไม่ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าที่เกิดกับประชาชนทั่วไปในภาวะปกติ

ด้านบริษัทแอสตราเซเนกา แถลงว่า มีประชาชนในอียูและสหราชอาณาจักร รวมกันประมาณ 17 ล้านคน ได้รับวัคซีนของอ็อกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกาโดสแรก แต่มีไม่ถึง 40 รายที่เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันจนถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และไม่พบหลักฐานความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีนเพิ่มขึ้นด้วย ประชาชนทั่วยุโรปและสหราชอาณาจักรที่ฉีดวัคซีนชนิดนี้ พบว่า มีเพียง 15 ราย เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก (Deep Vein Thrombosis: DVT) และ 22 รายเป็นโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด (pulmonary embolism หรือ PE) ซึ่งบริษัทแอสตราเซเนกา ระบุว่า ตัวเลขเหล่านี้ต่ำมากเมื่อเทียบกับการเกิดขึ้นกับประชาชนทั่วไป และไม่ได้แตกต่างจากวัคซีนโควิดตัวอื่น ๆ ที่ผ่านการอนุมัติให้ใช้ฉุกเฉิน