ผู้นำสิงคโปร์ฟันธงหลายอาชีพสูญพันธุ์หลังวิกฤตโควิด-19

วันนี้ (1 พ.ค.63) นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ได้กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันแรงงาน โดยเขาเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่จะไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยภาคบริการ หลังผ่านวิกฤตโควิด 19 ไปแล้ว และจะมีหลายสาขาอาชีพที่ต้องสูญพันธุ์เพราะการทำงานรูปแบบใหม่ และโลกยุคดิจิทัล

ทั้งนี้การกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันแรงงานของสิงคโปร์ในแต่ละปี ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง ที่ผู้นำสิงคโปร์จะพูดต่อคลื่นมหาชนที่มาชุมนุมกันเพื่อรอฟังการแถลง แต่ปีนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ทศวรรษที่ต้องแถลงผ่านการไลฟ์สตรีม

นายลีกล่าวว่า รัฐบาลสิงคโปร์ได้ทุ่มงบประมาณราว 42.5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 1.3 ล้านล้านบาท เพื่อรักษางาน และช่วยภาคเอกชนเพื่อนำพาสิงคโปร์ให้รอดจากวิกฤตครั้งนี้ แต่เขาก็เรียกร้องให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างต้องมองภาพในระยะยาว โดยลูกจ้างต้องยอมสละเรื่องค่าจ้างบ้างเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด และนายจ้างก็ต้องทำอย่างเต็มที่เพื่อให้มีการจ้างงานต่อไป เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน นายจ้างอย่าเพิ่งทิ้งลูกจ้าง และวิธีนี้จะทำให้เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้

แต่ในระยะยาว โรคระบาดครั้งนี้ จะทำเกิด disruption อย่างถาวรในบางอุตสาหกรรม และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเศรษฐกิจอย่างมีนัยยะสำคัญ บางอุตสาหกรรมจะปิดถาวรเลย บางอาชีพจะสูญหายไป  เพราะฉะนั้นธุรกิจต่างๆต้องปรับตัว เปลี่ยนรูปแบบในการทำธุรกิจ ประชาชนต้องรีบ re-skill หรือปรับทักษะตนเองใหม่ เพื่อรองรับธุรกิจใหม่ๆ

ในที่นี้ นายลี หมายถึง ประชาชนเริ่มมีความคุ้นเคยกับการสื่อสารผ่านโลกออนไลน์ และซื้อของและบริการออนไลน์ ในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ และสำหรับสิงคโปร์ ได้มีการใช้มาตรการ circuit breaker ไปจนถึงวันที่ 1 มิถุนายน

นายลี ระบุว่า หลังมาตรการ circuit breaker สิ้นสุดลง ชีวิตชาวสิงคโปร์คงจะไม่เหมือนเดิม แต่นั่นก็หมายความว่ามีโอกาสใหม่ๆเปิดขึ้นด้วย โดยอุตสาหกรรม เช่น บริการทางการแพทย์ ไบโอเทค การผลิตอาหาร และการส่งของ รวมไปถึงอุตสาหกรรมไอที จะเติบโตมาก แม้กระทั่งตอนนี้หลายๆบริษัทก็ต้องจ้างคนเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับธุรกิจที่กำลังเติบโตนี้

นายลี กล่าวว่า รัฐบาลกำลังวางแผนกลับมาเปิดเศรษฐกิจแบบก้าวหน้า หลังจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง และจะให้ธุรกิจเริ่มกลับมาทำการได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ต้องเป็นธุรกิจที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ และจะทำไปพร้อมๆกับการทำ contact tracing และการตรวจหาเชื้อในเชิงรุก ในขณะนี้ ธุรกิจที่ยังไม่จำเป็นเช่น บันเทิงและกีฬา ยังคงต้องรอไปก่อน

ทั้งนี้ สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อโควิด 19 สูงสุดในอาเซียนแล้ว โดยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวม 17,101 คน และเสียชีวิต 15 ราย และในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลของนายลีเซียนลุงถูกวิพากษ์วิจารณ์กรณีปล่อยให้มีการระบาดระลอกสองครั้งใหญ๋ในกลุ่มแรงงานต่างชาติในสิงคโปร์

เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com 
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand