จีนปรับปรุงระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาอย่างไร จึงสร้างคนคุณภาพสูงได้ (ตอนจบ) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
จีนปรับปรุงระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาอย่างไร จึงสร้างคนคุณภาพสูงได้ (ตอนจบ) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน
จีนปรับปรุงระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาอย่างไร จึงสร้างคนคุณภาพสูงได้ (ตอนจบ) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน
มาคุยกันต่อเลยว่าจีนในช่วงหลายปีหลังปรับเปลี่ยนมาตรฐานสถาบันอุดมศึกษาได้อย่างไรกัน ...
ผมขอเรียนว่า ในช่วงราว 3 ทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลจีนโดยกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ได้ริเริ่มโครงการพัฒนาสถาบันการศึกษาของจีนไว้อย่างสร้างสรรค์ ผมจะขอนำเสนอ4 โครงการที่ผมชื่นชอบและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในจีนครับ ...
1. โครงการ 211ถือเป็นโครงการ “นำร่อง” การพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาของจีนภายหลังการเปิดประเทศสู่โลกภายนอกในยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
โครงการนี้ริเริ่มเมื่อปี 1995 หรือเกือบ 30 ปีก่อน ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์อันยาวไกลในประเด็นการพัฒนาคนคุณภาพของรัฐบาลจีน โดยมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายเพื่อเตรียมความพร้อมและเสริมสร้างมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยที่สําคัญจำนวน 100แห่งสําหรับศตวรรษที่21ซึ่งกลายเป็นที่มาของชื่อโครงการนี้
ในทางปฏิบัติ รัฐบาลจีนมุ่งที่จะพัฒนาสถาบันการศึกษาในโครงการให้มีอุปกรณ์การสอนที่ดีผลงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และมีชื่อเสียงในระดับสูงทั้งในจีนและต่างประเทศ
ทั้งนี้ ในระหว่างปี 1996-2000 โครงการได้จัดสรรเงินสนับสนุนสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องเป็นเงินถึงราว 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และปัจจุบันมีสถาบันอุดมศึกษามาตรฐานดีมากกว่า2,000แห่ง หรือราว 6% ของจำนวนสถาบันอุดมศึกษาโดยรวมของจีนที่เข้าร่วมโครงการนี้
2. โครงการ 985ถูกออกแบบเพื่อสานต่อความสำเร็จในระยะแรกของโครงการ 211 โดยอาศัยจังหวะโอกาสที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งฉลองครบรอบ 100 ปี(เดือนพฤษภาคม 1998)ในการเปิดตัวโครงการนี้
คนจีนในวัยทำงานนิยมเรียกโครงการนี้กันจนติดปากว่า “985 กงเฉิง”ซึ่งผมแอบถามคนจีนว่าชื่อโครงการมีที่มาที่ไปอย่างไร และมีความหมายเชิงลึกซ่อนอยู่หรือไม่
ก็ได้รับคำตอบว่า ชื่อรหัส“985” เป็นคําพ้องเสียงในภาษาจีนที่มีความหมายว่า “มหาวิทยาลัยอันดับ1” ขณะที่ “กงเฉิง” แปลตรงตัวว่า “วิศวกรรมศาสตร์” แต่ในกรณีนี้น่าจะหมายถึง “โครงการ” นั่นเอง
ด้วยกระแสความสนใจและความมั่งมั่นของจีนในการพัฒนาคนคุณภาพที่กำลังมาแรงดังกล่าวทำให้กระทรวงศึกษาธิการจีนมาพร้อมกับแนวคิดและเป้าหมายใหม่ที่ต้องการจะ “ปั้น” สถาบันอุดมศึกษาระดับ “หัวกระทิ” ของจีนขึ้นสู่ระดับโลก
โครงการนี้เลือกใช้แนวทางการ “ต่อยอด” สถาบันอุดมศึกษาชั้นนำจำนวนเกือบ 40 แห่งภายใต้โครงการ 211 ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศและดึงดูดนักศึกษาต่างชาติเข้าจีน
โดยในระยะแรก โครงการนี้อัดเงินทุนสนับสนุนจำนวนมากแก่สถาบันการศึกษาชั้นนำของจีนจำนวน 9 แห่ง เอ่ยชื่อไปท่านผู้อ่านที่เป็น “คอจีน” ก็คงคุ้นหูคุ้นตาและได้ยินชื่อเสียงมาแล้วบ้าง
อาทิ มหาวิทยาลัยชิงหัว มหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง มหาวิทยาลัยเจียวทงเซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยเจียวทงซีอาน สถาบันเทคโนโลยีฮาร์บิน มหาวิทยาลัยฟู่ตั้น และมหาวิทยาลัยหนานจิง
สถาบันการศึกษา 9 แห่งดังกล่าวถือเป็นมหาวิทยาลัยระดับปริญญาเอกที่มีกิจกรรมการวิจัยระดับแนวหน้าของจีน และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในต่างประเทศในเวลาต่อมาซึ่งบ่งบอกถึงศักดิ์ศรีและอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของสถาบันการศึกษาจีนในวงการศึกษาระดับอุดมศึกษาโลก
เมื่อโครงการนี้ก้าวเข้าสู่ระยะที่ 2 สถาบันอุดมศึกษาในโครงการก็เพิ่มจำนวนขึ้นอีกถึง30 แห่งในปี 2004นอกจากนี้ ในปี 2006 กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการคลังจีนก็เป็นแกนหลักในการสนับสนุนการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์แก่สถาบันอุดมศึกษาอีก 33 แห่งที่ไม่ได้รวมอยู่ในโครงการ 985 เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเร่งด่วนของรัฐ
ในเวลาต่อมาก็มีกระแสข่าวระบุว่า กระทรวงศึกษาธิการจีนได้คลอดโครงการพัฒนาสถาบันการศึกษาใหม่ และส่งสัญญาณอย่างไม่เป็นทางการในปี 2011 ว่าโครงการเดิมเหล่านี้ใกล้ปิดตัวลง และหยุดการพิจารณารับเอาสถาบันการศึกษาใหม่เข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ในปี 2014 สถาบันอุดมศึกษาบางแห่งของโครงการ 985 เปิดเผยว่าเงินทุนของโครงการได้หยุดลงนับแต่ปี 2013 กระแสข่าวดังกล่าวได้สร้างความสับสนปนเสียดายให้แก่สถาบันการศึกษาของจีนหลายแห่งที่ “เข้าคิว” เตรียมเข้าร่วมโครงการ
3. โครงการ C9 Leagueมีลักษณะเสมือน “เหล้าเก่าในขวดใหม่” ที่เกิดขึ้นในปี 2009 โดยกระทรววงศึกษาจีนได้หยิบยกเอาสถาบันอุดมศึกษาก่อตั้ง 9 แห่งในโครงการ 985 ไปจัดตั้งเป็น “C9 League”
การเกิดขึ้นของโครงการนี้สร้างผลกระทบในหลายด้าน ในด้านหนึ่ง โครงการนี้ทำให้สถาบันการศึกษาใน 2 โครงการก่อนหน้านี้ “อ่อนยวบ” ลง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง ก็ทำให้สถาบันการศึกษาชั้นนำของจีนจำนวน9 แห่งในโครงการนี้ “โดดเด่น” ในเวทีการศึกษาจีนและต่างประเทศ
ส่งผลให้มหาวิทยาลัยทั้ง9 แห่งใน C9 Leagueดังกล่าวติดอันดับต้นๆ ของการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก เช่น QS World, ARWU และ Times Higher Education ในเวลาต่อมา
ขณะเดียวกัน สถาบันการศึกษาในโครงการนี้ก็ยังได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากรัฐบาลกลางและท้องถิ่นของจีน C9 League มีคณาจารย์และห้องปฏิบัติการระดับโลก โดยประเมินว่า เป็นแหล่งรวบรวม 3% ของนักวิชาการวิจัยของจีน และได้รับ 10% ของงบประมาณการวิจัยและพัฒนาระดับชาติ ทำให้ผลิต 20% ของผลงานทางวิชาการโดยรวมของจีน
นอกจากนี้ สถาบันอุดมศึกษาเหล่านี้ยังมีเครือข่ายศิษย์เก่าที่ทรงพลังมากมาย ทำให้ได้รับทุนการศึกษาและสามารถจัดสรรสิทธิพิเศษมากมายแก่นักศึกษา ซึ่งช่วยให้สถาบันอุดมศึกษาดังกล่าวสามารถดึงดูดนักศึกษาที่มีความสามารถสูงจากทั่วโลกและแบ่งปันทรัพยากรด้านศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ
สถาบันเหล่านี้มีหลักสูตรที่มีการแข่งขันสูงและมุ่งผลิตคนที่มีความสามารถสูงสอดคล้องกับความต้องการของตลาดในเชิงคุณภาพ ทำให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาเป็นที่ต้องการของตลาด
คนจีนมักเล่าให้ผมฟังว่า ผู้ที่สอบเอ็นทรานซ์ “เกาเข่า” เข้าสู่ และจบการศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาเหล่านี้ ล้วนมีงานที่ดีรออยู่และได้รับเงินเดือนและสวัสดิการในอัตราที่สูงกว่าผู้ที่จบจากสถาบันการศึกษาอื่นในจีน
และเพื่อให้มั่นใจว่าจะ “ไม่ตกขบวน” สามารถรับรู้และเข้าถึงบุคลากร “คุณภาพสูง” ดังกล่าว กิจการชั้นนำของจีนและต่างชาติจึงต่างพยายามเข้าร่วมและสบับสนุนกิจกรรมและโครงการของมหาวิทยาลัยเหล่านี้ในชิงรุกอย่างเต็มกำลัง
โครงการพัฒนาสถาบันการศึกษาที่สำคัญของจีน
1. โครงการ 221
ปีเริ่มต้น 1995-2016 จำนวนสถาบัน 200 แห่ง จุดเด่น ปั้นมหาวิทยาลัยสําหรับศตวรรษที่21
2. โครงการ 985
ปีเริ่มต้น 1998-2016 จำนวนสถาบัน 69 แห่ง จุดเด่น ปั้นสถาบันอุดมศึกษาสู่ระดับโลก
3. โครงการ C9 League
ปีเริ่มต้น 2009-ปัจจุบัน จำนวนสถาบัน 9 แห่ง จุดเด่น ปั้นสถาบันฯ ระดับโลกในหลายมิติ
4. โครงการ Double 1st Class
ปีเริ่มต้น 2016-ปัจจุบัน จำนวนสถาบัน 42 แห่ง จุดเด่น ปั้นสถาบันฯ ระดับโลกภายในปี 2050
4. โครงการ Double First Class โครงการเกิดขึ้นในสมัยของสี จิ้นผิง ผู้นำคนปัจจุบันโดยในเดือนตุลาคม 2015 สภาประชาชนแห่งชาติจีนก็ให้ความเห็นชอบกับ “แผนส่งเสริมการพัฒนามหาวิทยาลัยชั้น1 ของโลกและสาขาวิชาชั้น 1 (Double First Class University Plan) เพื่อพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษาในจีนรูปแบบใหม่เพื่อหวังสร้างคนคุณภาพสูงของจีน
โครงการนี้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสถาบันฯ ควบคู้ไปกับหลักสูตรการสอน โดยมีสถาบันการศึกษาชั้นนำจำนวน 42 แห่ง จำแนกเป็นสถาบันฯ เกรด A จำนวน 36 แห่ง และเกรด B จำนวน 6 แห่ง) ขณะเดียวกันก็ครอบคลุมถึง 465 สาขาวิชาชั้น1
การดำเนินโครงการDouble First Classนี้เป็นเสมือนเครื่องยืนยันว่าโครงการ 985 และโครงการ 211 ได้ถูกยกเลิกลงอย่างเป็นทางการในปี2016
จากการติดตามผลการดำเนินโครงการนี้ในช่วงหลายปีหลังก็พบว่า โครงการนี้ช่วยสนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาสิ่งอํานวยความสะดวกแก่สถาบันอุดมศึกษาในโครงการเป็นจำนวนมาก
จากข้อมูลการดำเนินโครงการทั้ง 4 ดังกล่าวพอสรุปได้ว่า ความคิดของการแบ่งประเภทและจัดเกรดสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศของจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ “ผลิดอกออกผล” อย่างเป็นรูปธรรมโดยลำดับ
โดยโครงการ211 และ 985 ที่ช่วย “กรุยทาง” และ “จุดประกาย” แห่งความหวังในการพัฒนาในยุคแรก ก็นับว่ามีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของจีนในยุคหลังเราเห็นหลายสถาบันอุดมศึกษาของจีนได้รับการจัดระดับเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกมากขึ้นโดยลำดับ
ขณะเดียวกัน เราจะเห็นว่า แม้ว่าจีนจะประสบความสำเร็จอย่างมากในการยกระดับสถาบันอุดมศึกษา แต่กระทรวงศึกษาธิการจีนก็ปรับปรุงและคลอดโครงการใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง
ผมจึงเชื่อมั่นเหลื่อเกินว่า จีนจะไม่หยุดที่จะผุดโครงการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา และจะมีอีกหลายสถาบันอุดมศึกษาของจีนเจริญรอยตามอย่างแน่นอนในอนาคต
ถึงเวลาหรือยังที่ไทยต้อง “เอาจริงเอาจัง” กับการพัฒนาทรัพยามนุษย์ของเรา ...
ภาพจาก AFP
ข่าวแนะนำ