ชงฉีดยาอวัยวะเพศ นักโทษข่มขืนให้ฝ่อ ลดการก่อคดีได้จริงหรือ?
กมธ.ผลักดันแก้ปัญหาข่มขืน ยื่นหนังสือ รมว.ยุติธรรม เสนอฉีดอวัยวะเพศผู้ต้องขังคดีทางเพศให้ฝ่อ เพิ่มโทษ เพื่อแก้ปัญหาข่มขืน
วันนี้ (19 พ.ค.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมาธิการวิสามัญเร่งผลักดันแก้ปัญหาข่มขืน และนายฐนันดร์ศักดิ์ บวรนันทกุล ตัวแทนกลุ่มนักวิชาการด้านอาชญาวิทยา เข้าพบ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยื่นหนังสือข้อเสนอแนวทางการลงโทษผู้กระทำผิดทางเพศ ที่กระทรวงยุติธรรม เมื่อวานนี้
นางสาวพัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จากปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียน โดยครูและบุคลากรทางการศึกษาปรากฏขึ้นตลอดมาในช่วงระยะเวลาหลายปี เด็กนักเรียนหญิงถูกกระทำด้วยพฤติการณ์ที่ร้ายแรง ตนจึงเดินทางมาเพื่อเสนอแนวทาง คือ คุ้มครองพยาน ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ และต้องได้รับการดูแลจากแพทย์และจิตแพทย์ ไม่ให้ถูกล่วงละเมิด ด้วยการนำเสนอภาพ ข่าว หรือข้อมูลใด ๆ ที่สามารถเชื่อมโยงข้อเท็จจริงไปถึงตัวผู้เสียหาย อันจะทำให้เกิดความอับอาย เสียชื่อเสียง
ด้าน นายฐนันดร์ศักดิ์ กล่าวว่า อยากให้มีระบบติดตามผู้ต้องขังคดีทางเพศหลังการปล่อยตัว นอกจากนี้อยากให้การลงโทษผู้กระทำผิดแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน เช่น การฉีดยาทำให้อวัยวะเพศฝ่อ ไม่ตื่นตัว เพื่อลดความต้องการทางเพศ, การรับประทานยาและฮอร์โมนที่มีผลทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ, โทษจำคุกและห้ามประกอบอาชีพ, จำคุกตลอดชีวิตไม่มีการลดโทษ เป็นต้น
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ข้อเสนอ เช่น การคุ้มครองพยาน การเยียวยา การช่วยเหลือทางกฎหมาย ทางกระทรวงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่ข้อเสนอแนวทางการลงโทษโดยการฉีดยา หรือประหาร ที่เป็นประเด็นใหม่ขอศึกษาก่อนว่าจะดำเนินการได้หรือไม่
ขณะที่ นพ.กัมปนาท พรยศไกร ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ ได้อธิบายถึงการฉีดไข่ฝ่อลงโทษนักโทษคดีข่มขืนว่า ผู้ที่ก่อคดีแบบนี้บ่อยๆ น่าจะมีฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน เยอะเกินไป ซึ่งปกติจะมีในผู้ชายทุกคน มีแล้วก็ทำให้คึกคัก ห้าวเป้ง บ้าพลัง รวมทั้งมีอารมณ์ทางเพศ
ปกติทางการแพทย์เนี่ย เรามีวิธีลดฮอร์โมนเพศชายอยู่แล้วเพื่อเอามารักษาในคนไข้ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก มีให้เลือก 2 วิธีคือ 1.ผ่าตัดเอาลูกอัณฑะออก ซึ่งเป็นตัวผลิตฮอร์โมน วิธีนี้ก็ง่าย สะดวก ประหยัดดี และ 2.ฉีดยาลดฮอร์โมน ซึ่งก็ได้ผลเหมือนกัน ข้อดีคือไม่ต้องผ่า เก็บสองลูกนั้นไว้ได้ แต่ต้องฉีดยาทุก 3 เดือนตลอดชีวิตครับ ค่ายาปีเป็นแสน
ทั้งนี้ ผลของการไม่มีฮอร์โมนเพศชายแล้วจะมีอาการหงอยเหงา ซึมเซา ความต้องการทางเพศลด ความแข็งก็ลด ขนาดที่มีก็ลด ซึ่งตรงนี้หลายคนเลยคิดว่าถ้าเอามาใช้กับนักโทษคดีพวกนี้แล้วสังคมน่าจะปลอดภัยขึ้น หากถามว่าดีจริงไหม ก็มีข้อสังเกต ซึ่งหลายประเทศก็เถียงกันมานานแล้วว่า
1. คดีข่มขืนลดลงจริงหรือไม่ จากการหาข้อมูลพบว่าคดีข่มขืนลดลงได้เล็กน้อย แต่ถ้าเกิดแล้วหนักกว่าเดิม เช่น จากเมื่อก่อนข่มขืนเสร็จแยกย้าย กลายเป็นข่มขืนเสร็จแล้วฆ่าปิดปาก เนื่องจากกลัวโดนจับได้ทีหลัง กลายเป็นหนักกว่าเดิม
2.หากเป็นแพะเอาจากไหนมาคืน เนื่องจากระบบยุติธรรมในเมืองไทยก็ยังเป็นที่คาใจในหลายๆ เรื่อง ถ้าหากคนที่โดนดันเป็นแพะขึ้นมาตัดไปแล้วมารู้ที่หลังว่าเป็นแพะ แล้วจะเอาที่ไหนมาคืน ยิ่งปัจจุบันมีแบบเอาก่อนฟ้องทีหลังด้วย
3. ใครเป็นคนจ่าย เป็นปัญหาอีกเรื่องหนึ่ง อย่างล่าสุดที่อังกฤษก็มีคนโวยวายว่าคุ้มหรือไม่กับการต้องเอาภาษีปีเป็นแสนมาจ่ายเป็นค่ายากดฮอร์โมนให้ผู้ต้องหา 1 คน ในขณะที่คนไข้มะเร็งต่อมลูกหมาก 30 บาทยังเบิกยาตัวนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
และสุดท้ายต่อให้กำจัดฮอร์โมนเพศชายจริง จะลดพฤติกรรมได้จริงหรือ คืออย่างที่เห็นปัจจุบันผู้หญิงหลายคนก็ก่อคดีได้สะเทือนขวัญไม่แพ้กันทั้งที่ไม่มีฮอร์โมนเพศ ดังนั้นก็เลยมีทั้งประเทศที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเถียงกันนานแล้ว
"สุดท้ายในความเห็นส่วนตัว วิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีที่น่าสนใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ควรใช้เฉพาะในรายที่เกิดซ้ำซากจริงๆ แบบเกินจะเยียวยาแล้ว และสู้คดีกันถึงที่สุดจนมั่นใจได้ว่าไม่ใช่แพะแน่ๆ ก็เอามาจัดการและก็ควรผ่าตัดแบบทีเดียวจบ ไม่ต้องมาฉีดยาทุกสามเดือนให้เป็นภาระหมอพยาบาล" นพ.กัมปนาท ระบุ
เกาะติดข่าวที่นี่website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand