เช็กเงินอุดหนุนบุตร เดือนมิถุนายน 2566 โอนเงิน 600 บาท เข้าบัญชีแล้ว!

เช็กเงินอุดหนุนบุตร เดือนมิถุนายน 2566 โอนเงิน 600 บาท เข้าบัญชีคุณแม่แล้ว เช็กปฏิทินประจำปี 2566 เงินเข้าบัญชีวันไหนบ้าง

โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด แจ้งว่า เงินอุดหนุนบุตรเดือนมิถุนายน 2566 เงินอุดหนุนจำนวน 600 บาทต่อเดือน โอนเข้าบัญชีผู้ปกครองที่มีสิทธิรับเงินในวันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 โดยมีรายละเอียดดังนี้

-ผู้มีสิทธิรับเงินอุดหนุนรายเดิม (กลุ่มเด็กที่เกิดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 เป็นต้นไป) จ่ายตรงงวด จำนวน 600 บาทต่อเดือน

-ผู้มีสิทธิรายใหม่ที่ผ่านการพิจารณา ข้อมูลสมบูรณ์ในระบบฐานข้อมูลโครงการเงินอุดหนุนบุตรภายใน 25 พฤษภาคม 2566 จ่ายย้อนหลังในเดือนที่ยื่นขอรับสิทธิ

*ผู้ปกครองของเด็กที่มายื่นคำร้องขอ ลงทะเบียน เพื่อขอรับสิทธิอุดหนุนฯรายใหม่เป็นต้นไป เริ่มได้รับเงินในเดือนที่ยื่นขอรับสิทธิ*

วิธีการเช็กเงินอุดหนุนบุตรมีดังนี้

1.เข้าไปที่เว็บไซต์ http://csgcheck.dcy.go.th

2.ระบุเลขประจำตัวประชาชนผู้ลงทะเบียน

3.ระบุเลขประจำตัวประชาชนเด็กแรกเกิด

4.กดค้นหาข้อมูล

ภาพจาก โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด

การจ่ายเงิน

1.จ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ในอัตรา 600 บาท ต่อคน ต่อเดือน จนมีอายุครบ 6 ปี เด็กแรกเกิดที่มีสิทธิรับเงินอุดหนุนก่อนระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้รับเงินอุดหนุนต่อไป จนมีอายุครบ 6 ปี

2.เด็กแรกเกิดที่เคยรับเงินอุดหนุนและมีอายุเกิน 3 ปี ก่อนระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้รับเงินอุดหนุนต่อเนื่องตั้งแต่อายุ 3 ปี จนมีอายุครบ 6 ปี โดยไม่ต้องมาลงทะเบียนใหม่

3.เด็กแรกเกิดที่ไม่มีสิทธิก่อนระเบียบนี้ใช้บังคับ หากมีคุณสมบัติตามระเบียบนี้ ให้มาลงทะเบียนได้ เริ่มรับเงินนับตั้งแต่เดือนที่ยื่นขอรับสิทธิ จนมีอายุครบ 6 ปี

4.เด็กแรกเกิดซึ่งเกิดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2562

-มายื่นลงทะเบียนภายในวันที่ 30 กันยายน 2562 รับเงินนับตั้งแต่เดือนที่เด็กเกิดจนมีอายุครบ 6 ปี

-มายื่นลงทะเบียนภายหลังวันที่ 30 กันยายน 2562 รับเงินนับตั้งแต่เดือนที่มายื่นขอรับสิทธิ จนมีอายุครบ 6 ปี

5. เด็กแรกเกิดที่เกิดตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป รับเงินนับตั้งแต่เดือนที่ยื่นขอรับสิทธิจนมีอายุครบ 6 ปี

การจ่ายเงินเข้าบัญชีธนาคาร

บัญชีธนาคารที่ใช้สำหรับแนบเอกสารเพื่อยื่นลงทะเบียนในโครงการ ประเภทบัญชีเงินฝากจะต้องเป็น ออมทรัพย์ สะสมทรัพย์ เผื่อเรียก กระแสรายวัน เท่านั้น โดยมีทั้งหมด 3 ธนาคาร ดังนี้

1. ธนาคารกรุงไทย (บัญชีออมทรัพย์)

2. ธนาคารออมสิน (บัญชีเงินฝากเผื่อเรียก)

3. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) (บัญชีเงินฝากออมทรัพย์)