TNN online เปิดรายชื่ออาหาร “วิตามินซีสูง” ช่วยเสริมภูมิ-ลดความรุนแรง “โรคหวัด”

TNN ONLINE

Health

เปิดรายชื่ออาหาร “วิตามินซีสูง” ช่วยเสริมภูมิ-ลดความรุนแรง “โรคหวัด”

เปิดรายชื่ออาหาร “วิตามินซีสูง” ช่วยเสริมภูมิ-ลดความรุนแรง “โรคหวัด”

เปิดลิสต์รายชื่ออาหารใกล้ตัว ‘วิตามินซีสูง’ รับประทานช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน-ลดความรุนแรง การป่วยเป็นโรคหวัด

การเข้าสู่ฤดูฝนของประเทศไทย อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเป็น ‘โรคหวัด’ ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากถ้าเราเปียกฝนจะทำให้อุณหภูมิในเยื่อบุจมูกต่ำลง ซึ่งเหมาะสมกับการเพิ่มของเชื้อไวรัส หากภูมิต้านทานของร่างกายต่ำลง ไม่สามารถต้านทานเชื้อไวรัส อาจทำให้เราเป็นโรคหวัดได้ การรับประทานอาหารที่มี ‘วิตามินซี’  อาจเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ช่วยลดความรุนแรงของโรคหวัดได้


การรับประทานอาหารที่มี ‘วิตามินซี’ สามารถเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ เรามาดูกันว่ามีอาหารอะไรบ้างที่มีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันเราจากโรคหวัดได้ 


วิตามินซีป้องกันโรคหวัดได้อย่างไร? 


จากการศึกษาพบว่า วิตามินซี เมื่อทานเป็นประจำไม่สามารถป้องกันโรคหวัดได้ และ ไม่ได้ลดความเสี่ยงต่อการเป็นหวัด อย่างไรก็ตามการ้บประทานวิตามินซีเป็นประจำ จะสามารถลดความรุนแรงและระยะเวลาในการเป็นหวัดได้ 


ควรรับประทานวิตามินซีเท่าไรต่อวัน? 


ร่างกายของแต่ละคนจะมีความต้องการของวิตามินซีที่แตกต่างกันนั่นก็ขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของแต่ละคน  แต่โดยทั่วไปในคนที่มีสภาวะปกตินั้นร่างกายต้องการวิตามินซีปริมาณ 60 มิลลิกรัมต่อวัน


ทำไมเราต้องรับประทานวิตามินซี

 

นอกจากประโยชน์ในเรื่องของผิวแล้ว วิตามินซียังมีส่วนช่วยในการ ป้องกันหวัด เนื่องจากคุณสมบัติที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคอื่นๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคเลือดออกตามไรฟัน โรคที่มาจากการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย เส้นเลือดอุดตันในหลอดลม เป็นต้น  

แหล่งวิตามินซีใกล้ตัวที่เราสามารถพบได้ตามผักและผลไม้ โดยหาซื้อง่ายและมีอยู่ทั่วไปในประเทศไทยที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าผักและผลไม้บางชนิดก็มีวิตามินซีอยู่ในปริมาณที่ร่างกายต้องการใช้งานได้


อาหารที่มีวิตามินซีสูง มีอะไรบ้าง? 


อาหารตระกูลผักที่มีวิตามินซีสูง


1. พริกหวาน วิตามินซี 80.4 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

พริกหวานสามารถกินได้ทั้งแบบสดๆ และปรุงสุกในเมนูอาหาร เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เบต้าแคโรทีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 เหล็กและโพแทสเซียม โดยพริกหวานผลที่แก่แล้วจะมีสีแดง เหลือง ส้ม หรือม่วงจะให้วิตามินซีเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าเลยทีเดียว


2. บรอกโคลี วิตามินซี 89.2 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

บรอกโคลีอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารหลายชนิดซึ่งพบได้ทั้งส่วนดอกและลำต้น การกินควรกินทั้งส่วนดอกและลำต้นร่วมกันจะช่วยต้านโรคมะเร็งได้ บร็อคโคลีเป็นผักที่ไม่ควรนำไปปรุงอาหารด้วยความร้อนที่นานเกินไปเพราะจะทำให้เสียวิตามินและคุณค่าทางอาหาร


3.ผักคะน้า วิตามินซี 147 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

 ผักคะน้าสามารถกินได้ตั้งแต่ยังมีขนาดเล็กจนกระทั่งออกดอก กับคุณสมบัติที่ช่วยต้านการเกิดมะเร็ง ช่วยให้เซลล์ทำงานได้ดีและกำจัดสารพิษในร่างกาย ผักคะน้าสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิดแต่ควรล้างให้สะอาดเพื่อช่วยลดการตกค้างของสารเคมีก่อนทุกครั้ง


4.ผักปวยเล้ง  วิตามินซี 120 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

 ผักปวยเล้งอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ อย่าง เหล็ก แคลเซียม โพแทสเซียม และยังมีกรดโฟลิกที่เป็นส่วนประกอบที่จำเป็นในการสร้างสารซีโรโทนินในระบบเซลล์ประสาท ซึ่งทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับได้สนิท


5.ใบมะรุม วิตามินซี 141 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

 มะรุมเป็นพืชพื้นบ้านที่นิยมนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง โดยทุกส่วนของต้นมะรุมสามารถกินได้ ใบของมะรุมมีฤทธิ์เป็นยาระบาย ลดไข้ ช่วยให้นอนหลับสบาย ป้องกันแผลในกระเพราะอาหาร และช่วยต้านอนุมูลอิสระได้


อาหารตระกูลผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง


1.ส้ม วิตามินซี 53.2 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

 ส้มอุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด และมีให้เลือกกินหลากหลายสายพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีใยอาหารที่ช่วยในระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน โดยสามารถกินได้ทั้งจากผลส้มหรือคั้นเป็นน้ำก็ได้


2.มะขามป้อม วิตามินซี 276 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

 มะขามป้อมเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก และถูกใช้เป็นส่วนประกอบของยารักษาโรคหลายชนิด เช่น ไข้หวัดใหญ่ วัณโรค แก้ไอ ภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เป็นต้น โดยพบว่าในผลของมะขามป้อมมีสารป้องการเกิดออกซิไดซ์ของวิตามินซี ทำให้วิตามินซีไม่เสื่อมสภาพแม้จะถูกความร้อน  


3.สตรอเบอร์รี่ วิตามินซี 58.8 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

 สตรอเบอร์รี่อุดมไปด้วยโภชนาการที่หลากหลายทั้ง วิตามินและแร่ธาตุ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็ง ช่วยในการบำรุงดวงตาและลดการเสื่อมสภาพของดวงตา และพบว่าในสตรอเบอร์รี่สดจะให้วิตามินในปริมาณมาก


4. ฝรั่ง วิตามินซี 160 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

 แม้ฝรั่งจะเป็นผลไม้ที่ไม่มีรสเปรี้ยว แต่ก็อุดมไปด้วยวิตามินซีในปริมาณมากโดยพบได้บริเวณเปลือกของฝรั่ง แต่เมื่อฝรั่งสุกแล้วจะมีปริมาณวิตามินซีที่น้อยลง หรือฝรั่งที่ตัดออกจากต้นแล้วทิ้งไว้เป็นเวลานานก็จะทำให้วิตามินซีเสื่อมสภาพลงได้


5. ลิ้นจี่ วิตามินซี 71.5 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม

 ลิ้นจี่เพียงวันละ 3 ผลก็ได้รับปริมาณวิตามินซีที่ร่างกายต้องการได้ และอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ โดยเฉพาะวิตามินบี 1 ที่ช่วยป้องกันอาการเหน็บชา นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงหลอดเลือดและกระดูกและฟัน


ข้อมูลจาก  : กรมอนามัย , โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 

ภาพจาก :  AFP 

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง