ไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2019-20 สัปดาห์ที่ 37 ลิเวอร์พูล พบ เชลซี

วันนี้ (23 ก.ค. 63) ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัด 37 ของฤดูกาล ที่สนาม แอนฟิลด์ เป็นการพบกันของ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านรับการมาเยือน เชลซี ลงทำการแข่งขันเวลา 02.15 น.

ครึ่งเวลาแรก

เริ่มเกมมาได้ประมาณ 8 นาที วิลเลี่ยน ได้เลี้ยงบอลไปสุดเส้นทางด้านขวา ก่อนไหลกลับมาให้ รีซ เจมส์ ได้เปิดบอลเข้าไปในเขตโทษ แล้วเป็น เมสัน เมาท์ ได้จังหวะโหม่งบอลเหินข้ามคานไป 

นาทีที่ 16 จอร์จินโญ่ จ่ายบอลข้ามฝั่งมาทางด้านขวาก่อนเป็น รีซ เจมส์ ได้บอล แล้วเลี้ยงขึ้นไปหน้าเขตโทษ แล้วได้จังหวะยิงจากหน้าเขตโทษ บอลเหินข้ามคานไป

นาทีที่ 23 นาบี เกอิต้า ตามเข้าไปแย่งบอลจาก วิลเลี่ยน บอลมาเข้าตัวเขาเองก่อนเป็น นาบี เกอิต้า ได้จังหวะยิงจากหน้าเขตโทษ บอลพุ่งเสียบใต้คานเข้าไปอย่างเด็ดขาด ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ออกนำ เชลซี 1-0 

นาทีที่ 37 เจ้าถิ่นได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ ก่อนเป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ รับหน้าที่ยิงบอลโค้งพุ่งไปเสียบเสาอย่างสวยงาม ช่วยให้ ลิเวอร์พูล นำห่าง เชลซี 2-0 

นาทีที่ 40 รีซ เจมส์ ได้เปิดบอลจากด้านขวาเข้าไป ก่อนเป็น โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ได้จังหวะโหม่งบอลไปเข้ามือของ อลิสซอน เบ็คเกอร์ 

นาทีที่ 44 จากจังหวะเตะมุมของเจ้าถิ่น แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดบอลเข้ามา ก่อนเป็น โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ โหม่งสกัดบอลไปติดแขนของ จอร์จินโญ่ ก่อนเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พยายามแย่งบอล แต่บอลเลยมาเข้าทาง จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ได้จังหวะยิงเต็มข้อบอลเสียบใต้คานเข้าไป ช่วยให้ ลิเวอร์พูล นำ เชลซี 3-0 

นาทีที่ 45+3 เมสัน เมาท์ เปิดบอลจากด้านซ้ายเข้ามาบอลแฉลบมาเข้าทาง มาร์กอส อลอนโซ่ ก่อนดีดบอลต่อมาให้ วิลเลี่ยน ได้จังหวะแปโล่งๆบอลไปติดเซฟของ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ก่อนมาเข้าทาง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ยิงซ้ำเข้าไปได้ ช่วยให้ เชลซี ไล่ตาม ลิเวอร์พูล 1-3 หลังจากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มเติมได้ หมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ เชลซี 3-1

ครึ่งเวลาหลัง

เริ่มครึ่งหลังมาในนาทีที่ 50 โรแบร์โต ฟีร์มิโน่ ยกบอลให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก่อนได้จังหวะหลุดเดี่ยว ก่อนตัดสินใจยิงบอลหลุดเสาออกไปแบบไม่ได้ลุ้น 

นาทีที่ 55 เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลเข้าไปในเขตโทษ ก่อนเป็น โรแบร์โต ฟีร์มิโน่ ได้จังหวะโหม่งส่งบอลเข้าประตูไปช่วยให้ ลิเวอร์พูล นำห่าง เชลซี 4-1 

นาทีที่ 59 ทีมเยือนเปลี่ยนตัวผู้เล่น 3 คน ส่ง แทมมี่ อับราฮัม ,คริสเตียน พูลิซิช และ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ลงสนามแทนที่ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์,วิลเลี่ยน และ เมสัน เมาท์

นาทีที่ 61 เป็นจังหวะที่ทีมเยือนเดินหน้าบุกก่อนเป็น คริสเตียน พูลิซิช ได้จังหวะเลี้ยงบอลหลบกองหลังเจ้าถิ่นถึง 4 คน ก่อนจ่ายเข้าไปในเขตโทษ แล้วเป็น แทมมี่ อับราฮัม ได้จังหวะยิง ส่งบอลเข้าประตูไป ช่วยให้ เชลซี ไล่ตาม ลิเวอร์พูล 2-4 

นาทีที่ 66 นาบี เกอิต้า และ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม โดนถอดออกจากสนาม ก่อนเลือกส่ง เคอร์ติส โจนส์ และ เจมส์ มิลเนอร์ ลงสนามไปแทนที่ 

นาทีที่ 73 เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กับ โจ โกเมซ พยายามโหม่งบอลกับ แทมมี่ อับราฮัม แต่บอลเลยข้ามหัวไป มาเข้าทาง คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ได้หลุดไปด้านขวา ก่อนจ่ายเข้ากลางมาให้ คริสเตียน พูลิซิช ได้จังหวะพลิกบอลก่อนหาช่องยิง ส่งบอลเข้าประตูไปได้สำเร็จ ช่วยให้ เชลซี ไล่ตาม ลิเวอร์พูล 3-4

นาทีที่ 79 อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ถูกส่งลงสนามแทนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

นาทีที่ 85 จากจังหวะส่วนกลับของเจ้าถิ่น ซาดิโอ มาเน่ ไหลบอลให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ก่อนเลี้ยงบอลหลุดขึ้นมาทางด้านซ้าย ก่อนจ่ายเข้ามาในเขตโทษ บอลเลย เคอร์ติส โจนส์ แต่มาเข้าทาง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ได้จังหวะยิงส่งบอลเข้าประตูไป ช่วยให้ ลิเวอร์พูล นำห่าง เชลซี 5-3

นาทีที่ 87 ดิว็อค โอริกี้ กับ  ทาคูมิ มินามิโนะ ถูกส่งลงสนามแทนที่  โรแบร์โต ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ 

หลังจากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มเติมได้ หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูลเปิดรังถล่มเอาชนะ เชลซี 5-3 เก็บชัยชนะพร้อมฉลองรับถ้วยแชมป์แบบยิ่งใหญ่ ส่วนฝั่ง เชลซี แพ้เกมนี้ ทำให้หล่นไปรั้งอันดับ 4 ของตาราง มีแต้มเท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ผลต่างลูกได้เสียเป็นรอง 

11 คนแรกที่ลงสนามเป็นตัวจริง

ลิเวอร์พูล ระบบ (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ ; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ;นาบี เกอิต้า, ฟาบินโญ่, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ; โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ 

เชลซี ระบบ (3-4-3) : เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ; เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, เคิร์ท ซูม่า, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ; รีซ เจมส์, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช, มาร์กอส อลอนโซ่ ; วิลเลี่ยน,เมสัน เมาท์ ; โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ 

ไฮไลท์การแข่งขัน