TNN online คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น "รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์"

TNN ONLINE

กีฬา

คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น "รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์"

คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์

Inspire Connects ฉบับนี้ ตามกันต่อเนื่องกับเรื่องของสื่อกีฬา แต่เป็นการผลัดใบของยุคมาเป็นรุ่งอรุณแห่งครีเอเตอร์กีฬา พร้อมแขกรับเชิญพิเศษ บิ๊กแชมป์ ฐิติพงศ์ อ่อนไสว

สวัสดีครับ! พบกันอีกแล้วใน Inspire Connects สานต่อแรงบันดาลใจ โดผม "นิก" ธีร์ธวัช กาญจน์วารีทิพย์ ฉบับนี้ยังคงเป็นอีกครั้งที่แขกรับเชิญของเราก็ยังเป็นผู้ชาย สืบเนื่องจากการพูดคุยกับ "ตู่ พูห์มาร์ท" กฤษณ พยุง เมื่อคราวที่แล้วในหัวข้อ "สื่อกีฬากลายเป็นอาชีพในฝันของใครหลายคน" ครั้งนี้เราจะมาตามเรื่องในลักษณะนี้กันต่อ ต้องบอกเลยว่าพี่ชายของผมคนนี้ เป็นหนุ่มไฟแรงที่เก่งกาจมาก มีเส้นทางอาชีพผู้สื่อข่าวที่น่าสนใจ ก่อนที่ในเวลานี้ จะผันตัวเองมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านฟุตบอลบนโลกออนไลน์ในขณะนี้


สาเหตุที่ผมยกให้เขาเป็นพี่ชายเพราะว่า เขาเป็นคนที่ให้โอกาสผมได้ทำงานที่ผมอยากทำ ตั้งแต่สมัยที่ผมยังโนเนม เข้ามาอยู่ใน TNN แรกๆเมื่อฟุตบอลโลก 2018 กับรายการหมับเข้าให้ ที่ออกอากาศในช่วงเวลานั้น เป็นคนที่คอยให้คำปรึกษาและช่วยเหลือเรื่องงานมาโดยตลอด คนที่ผมกำลังกล่าวถึงคือ "บิ๊กแชมป์" ฐิติพงศ์ อ่อนไสว ผมเชื่อว่าหลายคนที่เคยติดตามข่าวกีฬา ของทาง TNNช่อง16 น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากับเค้าดี เขาจะทำหน้าที่รายงานข่าว หรือบางครั้งก็มีงานบรรยายฟุตบอลด้วย


วันเวลาผ่านไป บิ๊กแชมป์ ได้สร้างตัวเองขึ้นมาบนโลกออนไลน์ จนถึงตอนนี้ แม้เจ้าตัวยังมองว่าไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากนัก แต่สำหรับผม ถือว่าทำได้สุดยอดมาก วันนี้เราจะมาล้วงลึกทั้งหมด กับประวัติการทำงานของพี่คนนี้ รวมถึงที่มาที่ไปของการขึ้นแท่นเป็นคนดังในโลกออนไลน์ ที่มีผู้ติดตามในช่องหลายแสนคน เขามีวิธีการอย่างไร ในการสู้กับความยาก หรือมีเคล็ดลับอะไรดีๆมาฝากกัน ไปติดตามพร้อมกันกับตอน "รุ่งอรุณแห่งครีเอเตอร์กีฬา"


Q : สวัสดีครับ พี่บิ๊กแชมป์ ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งที่ให้เกียรติมา Inspire Connects เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ เชื่อว่าแฟนกีฬาคุ้นหน้ากันอยู่แล้ว แต่อย่างให้แนะนำตัวเองอีกสักครั้งครับ ? คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์ บิ๊กแชมป์ : สวัสดีครับ ผม ฐิติพงศ์ อ่อนไสว ชื่อในวงการก็คือ "บิ๊กแชมป์" ตอนนี้อายุ 33 ปี เรียบจบจากที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร สาขา วิทยุและโทรทัศน์ รุ่น 49 ตอนนี้ทำแฟนเพจและชาแนลยูทูปที่มีชื่อว่า "บิ๊กแชมป์ FC" รวมทั้งอ่านข่าวและจัดรายการบ้างปะปรายครับผม


Q : เล่าให้ฟังหน่อยมีความสนใจงานข่าวกีฬาและสื่อตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีความเป็นมาอย่างไรในการเข้ามาทำงาน ?
คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์
บิ๊กแชมป์ : เอาจริงๆแล้วผมก็เริ่มดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก จริงๆจังๆก็ปี 2000  ตอนนั้นชื่นชอบ "อาบิ๊กจ๊ะ" สาธิต กรีกุล มากๆ ติดตามรายการ นานาทัศนะกับบิ๊กจ๊ะ ทางวิทยุตลอด เราโตมาในยุคปลายของ พี่ย.โย่ง (เอกชัย ยมจินดา) ยุคที่วิทยุเฟื่องฟู โตมากับคอลัมน์ของ พี่บ.บู๋ ซื้อนิตยสาร สตาร์ซอคเกอร์ รายสัปดาห์ ทุกอาทิตย์ จำไม่ได้ว่าออกทุกวันอะไร น่าจะวันจันทร์หรือพุธนี่แหละ ซื้อจนแฟนและที่บ้านถามว่า เฮ้ย ซื้อจนเจ้าของบริษัทเค้ารวยแล้วมั่ง 555+ เรามีความสนใจในเรื่องของฟุตบอลมาตั้งแต่ เรียนมัธยมเลย อยากเป็นนักพากย์บอล นักข่าวกีฬา หรือพิธีกร เราเห็นภาพว่าเราทำได้ เรามีแค่ความฝันอย่างเดียวนะ เราไม่รู้จักใคร ไม่มีผู้ใหญ่ในวงการที่รู้จักเลย เราก็แค่คิดว่า วันนึงเราอยากจะเขียนคอลัมน์ให้คนทั้งประเทศอ่านบ้าง เพราะสมัยนั้นคอลัมนิสต์ดังมาก รวมถึงผู้บรรยายและพิธีกร อ่านข่าวกีฬาก็ดังมาก ทีนี้ก็ไม่รู้จะปรึกษาใคร แต่เรามีคัมภีร์ในมือ ก็คือการอ่าน สตาร์ซอคเกอร์ ทุกวันๆ ซื้อแบบรายวัน ก็เลือกฝึกงานที่โต๊ะต่างประเทศของสยามกีฬา ทำให้เราได้รู้ตัวเองโดยทันทีว่า โอ้โห มันยาก ภาษาเราไมได้ เวลาทำงานก็ต้องเข้ากะดึก ไอช่วงเวลานั้นมันสำคัญ เพราะทำให้ได้เรียนรู้ชีวิตนักข่าว ก็เลยมาคิดว่า เราอาจจะไม่เหมาะ เพราะภาษาเราไม่ได้ มันต้องแปลข่าวอังกฤษเป็นไทยแล้วลงเว็บไซต์หรือหนังสือพิมพ์ ซึ่งเราไม่ถนัดจริงๆ อันนี้คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้ แต่ว่าเราก็ได้แง่คิดแบบมืออาชีพนะ เราได้เห็นการทำงานของผู้ใหญ่ นั่นแหละคือจุดเริ่มที่เห็นว่า นี่แหละใช่! 


Q : นาทีแรกที่มีโอกาสได้เจอกับคอลัมน์นิสต์ชื่อดังหลายๆคน ได้นั่งทำงานใกล้ๆกัน ? คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์ บิ๊กแชมป์ : โอ้โห ตอนแรกที่เจอ ไม่กล้าคุยกับพวกพี่ๆเค้านะ ยิ่งพี่จอม (บ.บู๋) นี่ดังมาก ได้เจอกับ พี่แมวเพชร (สุรพันธ์ ปวัฑฒนันท์) , พี่อ้น อีกา , พี่โบ๊ท ฯลฯ ภาพโดยรวมเราไม่กล้าไปคุยกับเค้า แต่ในใจเราตื่นเต้น เราได้เห็นการทำงานที่เป็นระบบ ทำให้รู้เลยว่ากว่ามันจะออกมาเป็นคอลัมน์ หรือบทความชิ้นนึงได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องรู้ลึกรู้จริง ยิ่งสมัยนั้น อินเทอร์เน็ต มันไม่ได้เปิดหาแล้วเจอทุกอย่างเหมือนสมัยนี้ ต้องดูจากหนังสือ นิตยสารในอดีต บางโต๊ะนี่ หนังสือตั้งยาวหลายชั้นมาก นี่คือข้อดีเลย ที่เราได้ซึมซับจากพวกเขา


Q : สุดท้ายแล้วแล้วพอเรียนจบตั้งธงกับตัวเองไว้อย่างไรในการทำงาน ? คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์ บิ๊กแชมป์ : หลังฝึกงานเสร็จก็กลับมาเรียนจนจบ ระหว่างนั้นก็รู้ตัวแล้วแหละว่ามันไม่ง่าย เลยฝึกเยอะมาก เพราะตั้งใจจะไปทำงานตรงนี้ให้ได้ เพิ่มสกิลแปลข่าว เปิด Dictionary แปลคำศัพท์ เพราะสมัยนั้นมันไม่มี Translate มันยากมาก ตัวเราเองก็ไม่หยุดพัฒนา เพราะมันใช่ เรามีความสุขกับการดูฟุตบอล เราสัมผัสได้ว่าถ้าเราได้ทำ เราเจ๋งแน่ แต่ก็ไม่รู้จะไปยังไง พอจบมาก็เอ๊ะ! สยามกีฬา ไม่เปิดรับนักข่าวว่ะ เราก็หวังว่ายังไงต้องมาทำที่นี่ให้ได้


Q : ทำไมในอดีต สยามกีฬา ถึงเป็นที่ทำงานในฝันของใครหลายคน ? คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์ บิ๊กแชมป์ : ผมคิดว่ามันเป็นเพราะเราโตมากับบุคลากรของเขา มันมีสตอรี่ของพี่โย่ง , พี่บิ๊กจ๊ะ , พี่บ.บู๋ และอีกหลายคน บางครั้งนักข่าวหรือคอลัมนิสต์กลุ่มนี้ ก็เล่าชีวิตในช่วงที่พวกเขาทำงาน มันทำให้เราซึมซับ คอนเทนท์ตอนนั้น ยิ่งทำให้รู้สึกว่าการเป็นนักข่าวมันเจ๋งหวะ แล้วตอนนั้นยังไม่มีสื่อเยอะขนาดนี้ ทุกคนจะคิดว่า สยามกีฬามันเจ๋งหวะ พี่ๆทุกคนเขียนงานนี่แบบ เราอ่านแล้วเราอยากไปทำว่ะ คอนเทนต์เค้าเยอะมาก โดยเฉพาะการพยายามสื่อว่าการเป็นนักข่าวกีฬามันเจ๋ง ผมเชื่อว่าที่หลายๆคนอยากไปทำเพราะมันซึมซับผลงานตรงนั้นด้วยแหละ


Q : กว่าจะได้เข้ามาทำงานที่สยามกีฬาเป็นอย่างไรบ้าง และมีโอกาสได้ทำอะไรที่นี่บ้าง ? คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์ บิ๊กแชมป์ : หูย...น้ำตาจะไหล ยาวหน่อยนะครับ สยามกีฬาเป็นพื้นที่แรกที่เปิดโอกาสให้ผมนะ ตอนนั้นก็นั่งรอว่าจะรับสมัครเมื่อไหร่ มันก็จะตรวจสอบจากไหนได้อะ นิตยสาร , หนังสือพิมพ์ หรือบน เว็บไซต์ ก็รอมาตลอด ไม่เปิด ไม่เปิด ไม่เปิด จนวันนึงเค้ามีรับช่างภาพ ช่างภาพวีดีโอของช่องสยามกีฬาทีวี เราก็เอ๊ะ เอาละ แต่ต้องบอกก่อนนะว่าเป็นคนถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอไม่เก่ง หรือแทบจะไม่เป็นเลย คือชอบการเล่าเรื่อง เวลาจับกล้อง มุมภาพอาจจะไม่สวยแต่สามารถทำให้เกิดเรื่องราวได้ มันเป็นความรู้พื้นฐานที่เราชอบดูหนัง ทีนี้พอเค้าเปิดรับช่างวีดีโอ ก็เลยคิดว่า ไม่เป็นไร ถ้ารับวีดีโอ ขอเข้าไปก่อน เข้าไปอยู่ใกล้ๆก่อน วันนึงอาจจะขยับขึ้นไปเป็นนักข่าวได้ นี่คือการคิดของตัวผมในสมัยนั้นนะ ตอนสมัครเข้ามานี่ต้องมาเทสต์หน้ากล้อง เราก็ทำไม่เป็น มีมาเทสต์สามคนในกลุ่มเรา คนมาประมาณ 7-8 คน รับสองคน คนแรกมันตั้งเสร็จหมดละ เค้าให้ถ่ายแล้วก็เล่าเรื่องว่าเป็นอย่างไร เราเล่าเรื่องเป็น สรุปเอ้ยได้เว่ย เราได้งานโดยที่ไม่รู้จักใครเลย เอาจริงๆก็เลยดีใจว่าที่นี่ให้โอกาสเรา เพราะสมัครไปหลายที่มาก แต่ไม่มีใครรับตอนนั้น ก็มาเริ่มถ่ายภาพ มาเริ่มจับกล้อง ทำงานที่สตูดิโอ เราเป็นคนชอบเรียนรู้อยู่แล้ว แต่ทำไปสักเดือนนึง ก็รู้สึกว่าเห้ยมันไม่ใช่ว่ะ เราอยากเป็นนักข่าว ตอนนั้นเราจับกล้องเนี่ย ก็คอยถ่ายนักข่าวอ่านข่าว คอยจัดแสง เราก็ถ่ายให้หลายคน ทั้ง พี่โย (โยธิน อารีย์การเลิศ) , พี่ปูเป้ (สมฤกษ์ อิสรางกูล ณ อยุธยา) ก็คิดว่า เห้ยถ้าพูดแบบนี้ เราก็ทำได้นี่หว่า เราเป็นคนชอบพูด ชอบพรีเซนต์ แต่เราทำได้แค่อยู่หลังกล้อง เพราะตำแหน่งเราตรงนี้ วันเวลาผ่านไป มีพี่คนนึงที่ทำหน้าที่อยู่ต่างจังหวัด สมัยนั้นสยามกีฬา ฝั่งฟุตบอลไทยเค้าให้ไปตามฟุตบอลในลีกภูมิภาคทางหัวเมืองใหญ่ๆทั่วไปเทศ ไปประจำที่นั่นเลย เค้าแจ้งมาว่า เค้าไม่อยากทำแล้ว เค้าอยากกลับมาอยู่ กทม. เราก็เลยเห็นโอกาสเลย เพราะถ้าอยู่แต่ในสตูฯ คงไม่ได้ทำอะไรแน่เลย เลยไปต่างจังหวัดก็ได้วะ ไปดูบอลต่างจังหวัด ไปอยู่โซนอีสาน แล้วมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกที่สุดในชีวิต เพราะมันทำให้เราได้รู้จักฟุตบอลไทย คือก่อนหน้านี้เราไม่เคยมอง เชียร์แต่ทีมชาติ พอได้มาอยู่แบบนี้ ทำให้เราได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง ได้มาศึกษาในระดับสโมสร เห้ยงง! บอลไทยมีสนามว่ะ ตอนนั้นไปอยู่ ศรีสะเกษ ไปอยู่กับ พี่บุญคง อรรคบุตร ตอนนั้นแกเป็นสื่อมวลชน นั่นคือจุดเปลี่ยนเลยที่ได้เรียนรู้ทุกอย่าง โดยเฉพาะพี่บุญคง เค้าเป็นเสมือนครูคนแรกเลย ทีนี้พอได้ทำบอลไทย มันเป็นภาษาไทยอยู่แล้ว สัมภาษณ์ก็ภาษาไทย เอ้ยนี่มันทางของเราเลย หลังจากนั้นเลยคิดเลยว่า บอลไทยก็ได้ ถ้าต่างประเทศมันยังไม่ใช่ในตอนนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เรารัก ฟุตบอลเหมือนกัน ก็มีการเริ่มจับกล้องมาลงเสียงเอง จับกล้องมาลองอ่านข่าวเอง ต่อมาสยามกีฬาเปิดช่องฟุตบอลสยามทีวี ก็ส่งผมไปอยู่นู่นนี่นั่น ทั่วประเทศ เหนือใต้ออกตก ครบอายุ 25 ปี คือไปครบทุกจังหวัดเลย ตอนนั้นไปอ้อนพี่ปูเป้ ที่เป็น ผอ. ช่อง ว่าอยากทำตรงนี้ แกก็เห็นว่าเราเป็นคนที่ตั้งใจ และครีเอท คอนเท้นต์ แปลกๆน่าสนใจ เช่น เรื่องผี , ศูนย์ฟิตเนส หรือทำอะไรที่มันมากกว่าถ่ายเกม สัมภาษณ์โค้ช นักบอล จำได้ว่าไปอ้อนพี่ปูอยู่สองรอบ รอบแรก ยังไมได้ เว้นไปสักพัก ไปอีกรอบ เหมาะเจาะพอดี พี่ปูเลยบอก เอาก็เอา เราก็เริ่มเลย แต่เอาจริงๆงานมันก็ยากนะ เพราะเมื่อก่อน ข่าวบอลไทย หายากมาก มันได้มาจากการโทรถาม หรือคอนเนคชั่นเท่านั้น ไม่มีแฟนเพจเฟซบุ๊ก ไม่มีการกระจายมากขนาดนี้ โค้ชแต่ละคนเห็นเบอร์แปลกก็ไม่ค่อยรับสาย ทุกอย่างต้องติดต่อเอง นี่แหละมันก็เลยเป็นทุกอย่างของคำว่า โรงเรียนผลิตสื่อกีฬาจริงๆ สำหรับที่นี่ เพราะมันได้มาทุกอย่างจริงๆ


Q : การตัดสินใจลาออกจากสยามกีฬา ?

คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์

บิ๊กแชมป์ : ก็อยู่กับสยามกีฬามา 4 ปีครึ่ง รู้สึกว่าเริ่มอิ่มละ อยากมาทำกีฬากลางมั่งละ หรืออะไรก็ได้ที่นอกเหนือจากฟุตบอล เพราะทำฟุตบอลมานานละ อยากขยับจักรวาลตัวเองให้เข้มข้นขึ้น ก็เลยย้ายจาก สยามกีฬา มาอยู่ที่ TNN ในปี 2015 ตอนนั้น อ.เอียด พุ่มคำ เป็น บก.โต๊ะกีฬา คือคนที่เห็นอะไรในตัวเรา เค้าก็มีการเทสต์  เค้าคงเห็นว่าเราดีกว่าคนอื่นยังไง ในความรู้สึกตอนนั้น การจะย้ายงานจากช่องเคเบิ้ล ไปทำช่องดิจิทัล นี่มันต้องเจ๋งมากนะ ซึ่งมันเป็นโอกาสที่พลิกชีวิตเลยนะ เพราะมันได้ขยับวิธีการคิด ไปทำอะไรนอกเหนือจากฟุตบอลไทย ได้ฝึกทักซะเยอะมาก ส่วนนึงที่ผมโดดเด่นมากนะ น่าจะเป็นการรายงาน ที่มันแหวกแนวกว่าชาวบ้าน ตัวผมเองจะรายงานแบบมีฟีลลิ่ง มันทำให้เป็นจุดขายของการทำงานทีวี ได้ทำกีฬาใหญ่ขึ้น แล้วโอกาสมันก็ยิ่งมาเยอะขึ้น ตัวผมเองมีความฝันอีกอย่างว่า การเป็นนักข่าวกีฬา จะขอไปทำข่าวโอลิมปิกสักครั้ง จนสุดท้ายก็ได้ไปที่ญี่ปุ่น เมื่อหลายเดือนก่อน ได้เห็นการทำงานระดับโลก ได้รู้เลยว่าเป็นยังไง มันก็คือจุดที่เราเต็มแล้ว ครบแล้ว เราทำหมดแล้ว ทั้ง อ่านข่าว , พิธีกร , ภาคสนาม หรือบรรยายกีฬา


Q : สุดท้ายแล้วผ่านการทำงานทุกรูปแบบ ทั้ง อ่านข่าว , พิธีกรรายการ , บรรยายกีฬา ฯลฯ ชอบอะไรที่สุด ? คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์ บิ๊กแชมป์ : พอได้ทำทุกอย่างแล้วมันรู้สึกว่าไม่ชอบอะไรสักอย่างเลย มันรู้สึกไม่ตอบโจทย์เราอย่างนึง เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะคนยังเข้าไม่ถึงกีฬากันเยอะ เราเข้าถึง เพราะเราสนใจมันแต่แรก มันมีคำถามในใจว่า มันน่าจะทำให้คนเข้าถึงและอินได้มากกว่านี้ ด้วยตัวเราเองก็เรียนมหาลัยด้านเทคโนโลยีมา ก็เลยมองว่ามันมีอะไรใหม่ๆเข้ามาเสมอ ก็เลยคิดว่า จะทำยังไงดีให้กีฬามันดูง่าย 


Q : การผลัดใบของสื่อจาก สิ่งพิมพ์ , วิทยุ , โทรทัศน์ , เว็บไซต์ มาเป็นโซเชียลมีเดีย มีการปรับตัวตามอย่างไร ? คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์ บิ๊กแชมป์ : ปัญหาของสื่อยุคก่อนคือช่องทางมันน้อยมาก และมันค่อนข้างจำกัดในวงการกีฬา เพื่อนหรือคนรู้จักมีหลายคนมากที่มีฝันตรงนี้ แต่มันไปไม่ถึง ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง จนทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไป เริ่มเห็นว่า เด็กมหาลัย มันทำรายการออนไลน์ ของตัวเอง แล้วมันปังว่ะ ทั้ง เบลล์ ขอบสนาม หรือ นิค นิกร (NR Sports radio) ก็เริ่มมาคิดว่า เอ้ ไอเด็กพวกนี้ มันไม่เคยผ่านอะไรแบบเราเลย ไม่เคยอยู่องค์กรใหญ่มาก่อนเลย แต่ทำไมมันทำได้ปังทะลุโลกเลย นั่นคือจุดเริ่มต้นเลย เพราะเราเห็นว่า บุคคลธรรมดาก็ดังได้ บ่งบอกให้เห็นเลยว่าโลกยุคนี้มัน Unlimit Channel หรือไม่มีลิมิตสำหรับช่องทางแล้ว ถ้ามีความสามารถก็เอามาพรีเซนต์เลย เกิดก็คือเกิด เลยคิดว่างานสื่อกีฬามันก็ทำได้นี่หว่า เพราะทำงานมาสิบปี คอนเนคชั่นเราก็มีเยอะแล้ว  ตัวผมเองก็คิดมาตลอดว่า การทำงานเป็นนักข่าว โอเค มีชื่อเสียง คนรู้จัก แต่มันไม่ตอบโจทย์เรื่องเงิน คือมันแค่พอเลี้ยงตัวเองได้ เชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในอาชีพนี้รู้ดีว่า รายได้มันไม่ได้สูงอย่างสายตาคนนอกที่มองเข้ามา เงินเดือนสูงๆ พอถึงวันมันก็ต้อง Early หรือถูกจ้างออกอยู่ดี พอเห็นปรากฏการณ์ของ ทั้ง เบล ทั้ง นิค หรือใครหลายคน ผมตั้งโจทย์เลยว่า ผมจะต้องไปเป็นผู้มีอิทธิพลในโลกออนไลน์ของกีฬา หรือเป็น อินฟลูเอนเซอร์  ให้ได้ ทุกวันนี้สื่อเก่าๆ ที่ดังๆ ก็หันมาทำโซเชี่ยล กัน หมด เพราะสุดท้ายแล้ว ที่ตรงนี้มันเลี้ยงตัวเองได้จริงๆ ทำให้เราอยู่ได้จริงๆในฐานะคนกีฬา 


Q : การเริ่มต้นสร้างช่อง บิ๊กแชมป์ FC ? คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์ บิ๊กแชมป์ : ข้อนึงที่ทุกคนอาจจะไม่รู้นะ เวลาที่เราทำงานให้กับองค์กร เราก็จะได้แค่เงินเดือน ชื่อเสียงที่เราสะสมไว้ พอวันนึงมันก็จะหายไป อันนี้คือสิ่งที่เจอมา สมัยที่ทำสยามกีฬา คนก็จะเรียก แชมป์สยามกีฬา พอทำที่ TNN คนก็จะเรียก แชมป์ TNN แต่พอเราย้ายหรือออก มันก็จะเหลือแค่ แชมป์ ผมก็เลยจุดได้ว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องสะสมไมค์ของตัวเอง หลายๆคนที่ทำช่องในออนไลน์ตอนเนี้ย เค้าก็ทำไว้เพื่อจุดประสงค์ที่ต้องการเป็นที่รู้จัก แล้วไปรับงานต่อ อันนี้สำคัญจริงๆ คนที่อิทธิพลบนโลกออนไลน์ เค้าจ้างโพสต์กันทีหลักหมื่น หลักแสนบาท เราก็เห้ย เค้าทำได้ เราก็ทำได้ ก็เลยสะสมหาช่องทาง แล้วมุ่งหน้ามาทางนี้เลย ยิ่งตอนทำงานองค์กร ทุ่มหมดตัว ใส่ให้เกินร้อยอยู่แล้ว กับช่องทางของเราเอง เราก็ต้องทำได้เต็มที่กว่าด้วยซ้ำ มันก็เกิดช่อง "บิ๊กแชมป์" ขึ้นมา ชื่อนี้มันดีมาก แต่มันโหล มีทั้ง ช็อตเด็ดกีฬาแชมป์ , แชมเปี้ยนส์ ฯลฯ หลายแชมป์มาก แต่ทีนี้เราชอบ พี่บิ๊กจ๊ะมาก เค้าคือไอดอล เราเลยเอา บิ๊กกับแชมป์ มารวมกันแล้วก็ใส่ FC Football Club เข้าไปอีก เพื่อให้รู้ว่า นี่เป็นฟุตบอลคลับ ที่นึง ทั้งหมดทั้งมวลมันคือคำกีฬาที่คิดว่า ใช่เว่ย แล้วก็เห็นช่องทางในการเจริญเติมโต เริ่มทำคอนเท้นต์ เพราะน้องๆเรา ไปกันไกลหมดแล้ว เก็บรายได้กันเป็นกอบเป็นกำ


Q : ต้องผ่านอุปสรรคในช่วงแรกๆมากขนาดไหน และการสู้กับตัวเองในวันที่ช่องยังไม่มีผู้ติดตาม ? คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์ บิ๊กแชมป์ : ตอนสร้างเนี่ย เหนื่อยมาก ต้องทำเองทุกอย่าง ถ่ายเอง ตัดต่อเอง คิดสคริปต์เอง แต่ผมจะไม่ตีกรอบตัวเอง ว่าคอนเท้นต์เราจะต้องสุดยอด ลึกลับ หรือ ลึกซึ้ง ผมมองแบบนี้เพราะว่า เราทำคลิปวีดีโอมาตลอด อย่าไปให้ค่ากับวีดีโอ อย่าไปคิดว่าคนจะต้องมาดู เวลานั้่นเวลานี้ มันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกวันนี้ คอนเท้นต์ มันเหมือนประตูอะ วาง วาง วาง คนดูเค้าจะเลือกเอง เค้าจะรู้สึกและตัดสินเอง ว่าเค้าจะดูอะไร คอนเท้นต์ในโลกนี้มีประโยชน์ทุกอย่าง เปรียบกับหนังสือสมัยก่อน เล่มที่ดังก็จะมีราคา เล่มที่ไม่ดังก็จะยังไงอะ 3 เล่มร้อย แต่บางเล่มมันดีมากนะ แต่ไปสู้กับ Best seller มันสู้ไม่ได้ เพราะถูกวางในที่ที่ดีกว่า แต่ในออนไลน์ มันไม่มีแบบนี้ สุดท้ายมันอยู่ที่คนดูตัดสินว่าเค้าจะดูอะไร เราไม่สามารถเป็นตัวกำหนดทิศทางได้อีกแล้ว เพราะเราไม่ใช่สุดยอดของวงการ ผมเองเป็นคนที่ทำคอนเทนต์ แล้วมีความสุขมาก เพราะผมไม่คาดหวังว่ามันจะปังหรือแป๊ก หลักๆ ก็หาตัวเองก่อนว่าเราทำอะไรแล้วมีความสุข ผมเคยมีความฝันอยากเป็นคอลัมนิสต์ แต่ทำแล้วมันไม่เวิร์ค ทำได้นะ แต่รู้สึกว่ามันไม่ดีที่สุด อันนี้คือพื้นฐานเลยว่า เราต้องรู้จักตัวเองก่อน หาความถนัดของตัวเอง แล้วผมก็จับจุดว่าถนัดวีดีโอ ชอบฟุตบอล ฟีลลิ่งของผมมันจะเป็นเชิงภาพกีฬามันส์ๆ เช่น เห็น ไมเคิล จอร์แดน ชู้ตบาสลงห่วง แล้ว อื้อหือ! เห็น เดวิด เบ็คแฮม ยิงฟรีคิกแล้ว อือหือ! เราก็เลยจะต้องจับฟีลลิ่งแบบนี้มาเล่าเรื่อง เราถนัดอยู่แล้ว ทั้งเฟซบุ๊ก และยูทูป และ พอร์ดแคสต์ มันแรงมาก เล่าเรื่อง มีเนื้อหา มีภาพ มีคลิปลง มันใช่เลย ตั้งเป้าไว้ ทำยังไง จะได้งานมาอัพทุกวัน ในระยะเวลาสองปี ถ้าเราทำสม่ำเสมอ เรามีโอกาสเกิดสูง ช่วงแรกๆ ไม่มีคนดู , สิบวิว ฯลฯ ไม่มีใครรู้จักเรา เพราะเรามาจากทีวี คนออนไลน์ไม่รู้จักเรา เราไม่ได้มีชื่อเสียงขนาดนั้น แต่ด้วยความโนบอดี้ ตรงนี้ มันดีมาก เพราะเราจะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องคีปลุค จนสุดท้าย คนก็เริ่มรู้จักเรา เรามีคอนเซปต์ ที่ชัดเจน เช่น พี่น้องบอลไทย ถ้าคุณชอบฟุตบอลไทย เราคือพี่น้องกัน เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มาชุมนุม มาพูดคุยกัน แนวๆนี้


Q : วิธีจัดการกับตัวเองเวลาท้อที่คนดูน้อยหรืออะไรไม่ได้ตามเป้าประสงค์ ?

บิ๊กแชมป์ : ก็ความเป็นจริงมันเป็นแบบนี้ โรคของความเป็นจริงมันเป็นแบบนี้ ฝนตกจะสั่งให้หยุดตกได้เหรอ ? เราไม่มีสิทธื์ไปว่าเค้านะ ว่าเค้าตาไม่ถึงที่ไม่ดูเรา เราก็ต้องกลับมาดูตัวเราเอง ทำไมคนถึงไม่ดูเรา เราพูดไม่มันส์ เปล่าวะ ? เราพูดไม่น่าสนใจรึเปล่า ? ยิ่งคนดูน้อยยิ่งน่าภาคภูมิใจนะ สามสี่ห้าคน อาจจะเป็นแฟน พ่อแม่เราก็ได้นะ เค้าสนับสนุนเรา เราต้องใส่ใจคนที่สนใจเราดูเรา ถามเรา ผมรู้สึกดีนะ ถามให้วิเคราะห์นั่นนี่ คือเค้าเชื่อมั่นในตัวเรา เราก็ต้องสนใจคนกลุ่มนี้ด้วยครับ


Q : ใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะสามารถผูกรายได้กับยูทูป ?

บิ๊กแชมป์ : ผมเปิดช่องมาตั้งแต่ปี 2012 นะ แต่มาเริ่มจริงจังในปี 2018 ปลายๆ เงินที่มันกองอยู่ของเก่าก็หลานพันนะ แต่มันไม่ได้โอนให้เรา เพราะเราไม่ได้ผูกกัน ใช้เวลาประมาณ 1 ปี มั่ง กว่าจะได้ผูกรายได้กัน ด้วยความที่เป็นกฏเก่า เราก็แค่คิดว่าเดี๋ยวมันจะต้องมีเงินเข้าสักเดือนแหละ ซึ่งการทำงานตรงนี้ มันได้เห็นภาพตรงนี้เยอะเลยนะ เช่น การคิดแบบเดิมๆว่า เราทำงานให้นะ มันต้องมีเงินให้ทุกเดือนนะ ถ้าคิดแบบนี้ก็คงไม่ได้จนถึงตอนนี้ กลายเป็นจุดเปลี่ยนเลยว่า ช่องทางนี้จะเปลี่ยนชีวิตเราจริงๆเลยนะ สำหรับคนรักกีฬา


Q : อยากจะให้แนะนำสำหรับคนที่อยากจะสร้างช่องทางบนโลกโซเชี่ยล และให้กำลังใจกับคนที่เคยทำแล้วท้อจนเลิกไป ? คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์ บิ๊กแชมป์ : ผมเชื่อเรื่องยุคสมัย มันเป็นการไปตามล่าฝันบนท้องทะเล ท้องทะเลมันกว้างมากเหมือนโซเชี่ยล ยุคใหม่มันสามารถสั่นคลอนยุคสมัยเก่าได้ทั้งหมด พื้นที่ตรงนี้มันอิสระมาก จะทำเมื่อไหร่ก็ได้ คนที่จะเข้ามาทำ ก็ทำไม่ดีกว่าเหรอ มันเป็นโอกาส อย่างที่ผมเล่าไปว่า เมื่อก่อนโอกาสเนี่ย คุณต้องไปขอเค้านะ กว่าที่จะได้ขึ้นไปทำตรงนั้นตรงนี้ แต่ ณ ปัจจุบัน โอกาสมันลอยอยู่บนอากาศ เราไม่จำเป็นต้องอยู่ช่อง เราอ่านข่าวได้ , เราพากย์บอลได้ เราสร้างมิติของตัวเองได้ แต่สำคัญคือเราต้องรีบไขว่คว้า เรียนรู้กับมัน ไม่หาเหตุผลที่จะหยุด หาตัวเองและหาคอนเท้นต์ตัวเองให้เจอ ไม่เฉพาะกีฬานะ คุณมีมือถือเครื่องเดียวก็ทำได้ สำหรับคนงบน้อย แต่แค่คุณต้องไขว่คว้า เรียนรู้หาตัวเอง ตัวผมเองก็เริ่มจากมือถือเครื่องเดียว แล้วก็ค่อยพัฒนามาเป็นห้องสตรีม , อุปกรณ์ต่างๆ สำคัญคือลงมาทำครับ คิดในหัวไม่เกิดแน่นอน แล้วอย่าลืมนะครับ อย่าเครียด อย่าคาดหวัง ทำซะครับ มันจะได้ไม่เป็นแค่คิด


Q : ทุกวันนี้ช่องกีฬาผุดขึ้นมาบนออนไลน์เยอะมาก เราจะสู้กับคนอื่นได้อย่างไร ? คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์ บิ๊กแชมป์ : ตรงนั้นไม่ได้เรียกว่าสู้หรอก เพราะเราทำโดยไม่คาดหวัง ส่วนใหญ่คนมักจะอยู่กับความสำเร็จของคนอื่นโดยตลอด ของคนนั้น คนดูเป็นแสนเป็นล้าน แต่โลกของผม ไม่ได้คาดหวัง เราขอแค่ได้ทำงาน เราไม่ได้คาดหวังกับยอดไลก์ ยอดคนดูด้วยซ้ำ ด้วยความที่เป็นคนทีวีด้วยมั้ง เพราะก่อนหน้านี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าที่เราทำแล้วมีคนดูรึเปล่า แต่มันก็ต้องทำ อันนี้คนดูเรารู้เลยว่าคนดูกี่คน เราก็เลยเข้าใจโลกว่า โลกนี้ มันไม่มีการคาดหวังใดๆ คนเดียวก็คือคนดูนะเว่ย ต่อให้เราทำ เราดูคนเดียวก็คือคนดู ถ้าเราไม่คาดหวัง ไม่อยู่ในโลกเพ้อฝัน เราทำอะไรก็ได้นะ เราวางใจได้ เราจะสบายเลย พี่เคยไลฟ์คนดูหนึ่งคน มีคนมาแซวด้วยนะ มันก็ต้องทิ้งความคาดหวังและอยู่กับความเป็นจริงให้ได้ อย่าบอกว่าสู้ดีกว่า มันไม่ใช่การต่อสู้ มันไม่ใช่การแบทเทิล มันหมดยุคแล้ว เมื่อก่อนที่สู้กันบนทีวี เพราะ เวลามันจำกัด ชั่วโมงมันจำกัด มันถึงแบทเทิลกัน แต่ออนไลน์ มันไม่ใช่เเบทเทิล มันคือการสู้กับตัวเอง และชื่นชมคนอื่น คนเค้าเลือกดูได้ เค้ามาดูเพื่อนเราก่อน เดี๋ยวเค้าก็มาดูเรา ตอนนี้มีแต่การ Collab (คอลแลบ) ตัวผมเองตอนจะทำ โทรหาทุกคนเลยนะ ทั้งพี่ฟลุ๊ค (ธีรยุทธ บัญหนองสา) , พี่เจ (วรปัฐ อรุณภักดี) , พี่ปูเป้ (สมฤกษ์ อิสรางกูล ณ อยุธยา) พวกนี้คือเราชื่นชมทุกคน เราชื่นชมให้พลังกัน ทุกอย่างเราโตไปด้วยกันได้ ดีซะอีกที่พวกพี่ๆเค้ากระโดดเข้ามา ทำให้โลกมันกว้างไปอีก ยิ่งโตไว เพราะฐานแฟนคลับ แฟนบอลเค้าก็มาด้วย แล้วเรามา Collab กัน ตรงนี้มีความสุขมาก ความน่ารักของสังคมนี้ทุกคนช่วยกันหมด นี่คือโลกสมัยใหม่ ต่อให้คุณแค่ซับเดียว ก็สามารถเป็นเพื่อนกับคนที่มีล้านซับได้ ไม่มีแล้วครับใครลงก่อน เร็วกว่า เพราะคอนเท้นต์คือประตู ที่รอให้คนมาเปิดแค่นั้นเอง


Q : รายได้ของการทำงานประจำกับการทำช่องทางของตัวเองต่างกันขนาดไหน ?

บิ๊กแชมป์ : มันตอบโจทย์ตรงที่ได้ทำสิ่งที่รัก รายได้มันก็สมน้ำสมเนื้อ ทำให้เราสามารถอยู่รอดได้ รายได้มันก็มาจาก โฆษณาที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ เฟซบุ๊ก และ ยูทูป นอกจากนี้ยังมียังมีรายได้จากโฆษณาที่ดีลตรงกับเรา ผ่านคลิป ผ่านคอนเทนต์ แล้วก็ที่สำคัญพอเรามีตัวตน คนรู้จักเรามากขึ้น เราก็จะได้รับการทาบทามไปเป็นพิธีกร ผู้ประกาศ ผู้บรรยายได้ครับ นี่คือรุ่งอรุณแห่งยุคสื่อ งานสื่ออาจจะเป็นงานที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่งานออนไลน์ มันอาจจะเปลี่ยนโลกไปทั้งใบก็ได้ จากนี้จะเห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ในบ้านก็มีรายได้ ได้เหมือนกัน


Q : เป้าหมายขั้นต่อไปของช่องบิ๊กแชมป์ FC ? คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์

คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์ บิ๊กแชมป์ : เอาจริงๆเป้าก็คือล้านซับ รวมกัน แต่ภายในเมื่อไหร่ก็ไม่เป็นไร วางธงไว้ก็คือพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ หาเงินได้ เลี้ยงครอบครัวได้ โอเคแล้วครับ


Q : คำถามสำคัญของ Inspire Connects สถานะตอนนี้เป็นอย่างไรครับ หากยังไม่มีใครให้บอกสเปคที่ชอบ ? คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์ บิ๊กแชมป์ : มีภรรยาแล้วครับ แต่งงานแล้ว สภาพนี้จะเหลือเหรอ (หัวเราะ) คบกันมา 15 ปีครับ ก็ไม่ว่าจะทำอะไร เค้าก็อยู่กับเรามาตลอด เป็นเบื้องหลังให้ตลอด ถ้าไม่มีเค้าคอยซัพพอร์ท ก็น่าจะเหนื่อยเหมือนกัน เป็นแบ็คอัพที่ดีมากๆ คอยสนับสนุนทุกอย่าง เค้าชอบถามว่ารักเค้ามากแค่ไหน ก็ตอบได้แค่ว่า "ไม่ต้องถามหรอกรักมากแค่ไหน รู้แค่ว่าไม่รักใครไปมากกว่านี้อีกแล้ว" ครับผม


Q : สุดท้ายฝากผลงานช่องทางการติดตามให้แฟนๆที่สนใจครับ ? คุยเข้มข้นกับ 'บิ๊กแชมป์' เมื่อกีฬาผลัดใบเป็น รุ่งอรุณแห่งสปอร์ตครีเอเตอร์ บิ๊กแชมป์ : ตอนนี้ก็มีเพจเฟซบุ๊ก และยูทูป ชื่อ "บิ๊กแชมป์ FC" มีรายการ LiveScore นัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงแข่งทาง True Sports network , มีร้านขายซาลาเปานพเก้า , มีสวนเคียงหมอก อยู่ที่นครนายก มาเที่ยวกับได้ครับ Search หาก็น่าจะเจอ นอกจากนี้่ยังมีโปรเจ็กต์จะสร้างลูกสาวอีกสักคนให้เป็นบุคลากรคุณภาพของประเทศต่อไปครับ 


และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดที่น่าสนใจในฉบับนี้ เกี่ยวกับการผลัดใบของยุคสื่อกีฬา ที่โอกาสมีมากมายในปัจจุบัน โดย บิ๊กแชมป์ ซึ่งในครั้งหน้า เราจะพาไปคุยกับคนกีฬาสุดปังคนไหน ติดตามกันไว้ให้ดีๆนะครับ เพราะนี่คือ Inspire Connects สานต่อแรงบันดาลใจ สำหรับฉบับนี้ สวัสดีครับ!


เรียบเรียงโดย : NickyMAN (นิก ธีร์ธวัช)


ข่าวที่เกี่ยวข้อง