คุยเคล็ด(ไม่)ลับสายงานข่าวกีฬา-พากย์ฟุตบอล 'เกริกชัย คุณโฑ' ที่ชนะฝันด้วยการพัฒนา

สวัสดีครับ! ต้อนรับเข้าสู่ "Inspire Connects" สานต่อแรงบันดาลใจ ฉบับที่ 2 EP.2 ของปี 2022 นะครับ แน่นอนว่าเรายังจะพาไปพูดคุยกับบุคคลในวงการกีฬานะครับ ที่ทั้งหน้าตาดีและมีความสามารถ ไม่จำกัดแต่เฉพาะนักกีฬา อาจจะเป็น โค้ช , ผู้สื่อข่าว หรือผู้บรรยายกีฬาก็เป็นไปได้ทั้งหมด อย่างน้อยๆเดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งในฉบับแรกของปีคราวก่อน เราพาไปเปิดชีวิตที่กว่าจะมีวันนี้ไม่ง่ายเลยของ นริศรา แก้วมะ อีกหนึ่งลูกยางนางฟ้าไฟแรงกันไปแล้ว หากใครยังไม่ได้อ่าน ก็สามารถกดอ่านได้ ตรงนี้ เลยนะครับ

มาถึงวันนี้ เราเปลี่ยนบรรยากาศมาที่สุภาพบุรุษกันบ้าง คนนี้ดีกรีไม่ธรรมดา ตอนนี้กำลังเป็นผู้สื่อข่าวกีฬาที่มาแรงแบบสุดๆ ล่าสุดเจ้าตัวได้ขึ้นไปเป็นถึงระดับหัวหน้าฝ่ายข่าวของช่องไทยรัฐทีวี เรียบร้อบ รวมทั้งยังเป็นอุปนายกของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์ และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้บรรยายฟุตบอลไทย ทั้งทีมชาติและลีกอีกด้วย เรากำลังหมายถึง "โบโบ้" เกริกชัย คุณโฑ นั่นเอง ซึ่งต้องบอกเลยว่าน้องๆเยาวชนที่สนใจงานด้านสื่อสารมวลชนกีฬา หรืองานประกาศข่าวและผู้บรรยายกีฬา ไม่ควรพลาดฉบับนี้ เพราะน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆได้อย่างแน่นอน เหมือนครั้งนึงที่เราเคยสัมภาษณ์ "ตู่พูห์มาร์" กฤษณ พยุง ไปเมื่อกลางปีที่แล้วนั่นเอง

ที่สุดแล้ว "โบโบ้" จะมีเส้นทางอาชีพนักข่าว นักพากย์ ตรงนี้อย่างไร เดี๋ยวเราไปติดตามพร้อมๆกันได้เลย

Q : สวัสดีครับพี่โบ้ อันดับแรกอยากให้แนะนำตัวกับแฟนๆ TNNSPORTS ให้รู้จักอีกสักเล็กน้อยครับ โบโบ้ : สวัสดีแฟนๆกีฬาทุกคนนะครับ ผมชื่อ เกริกชัย คุณโฑ ชื่อเล่นว่า โบโบ้ หรือจะเรียก โบ้ ก็ได้ครับ เป็นคน จ.สิงห์บุรี นะครับ ตอนนี้อายุ 34 ปี เรียนจบจากคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา สาขา สื่อสารมวลชน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์ และก็เป็นหัวหน้าฝ่ายข่าวกีฬา ประจำที่ ไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์ หลักๆแล้วดูคอนเทนต์ คอยวางแผนงานของทีม นอกจากนี้ยังเป็นผู้บรรยายฟุตบอลไทยด้วยครับ

Q : คงต้องให้เล่าที่มาที่ไปของการมาทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวกีฬาจนก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าให้ฟังหน่อยครับ ? โบโบ้ : เอาจริงๆแล้วมีความชอบและสนใจกีฬามาตั้งแต่เด็กแล้วแหละครับ แน่นอนผู้ชายเราก็ต้องชอบดูชอบเล่นฟุตบอล ผมตัดสินใจเข้ามาฝึกงานที่ ช่อง 9 อสมท ทำให้ได้รู้จักกับ "พี่แมว" สมยศ แดงยวน ที่เป็นนักข่าวในขณะนั้น ได้มีโอกาสเรียนรู้ ได้พูดคุยตลอดช่วงฝึกงาน ทำให้ผมอยากเป็นนักข่าวแบบฟันธงเลย เพราะหลักๆผมชอบเที่ยว ชอบเดินทาง อยากไปดูฟุตบอลโลก อยากไปดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เนื่องจากการทำงานสายกีฬามันก็เหมือนได้ทำงานได้เที่ยวไปด้วยในตัว ซึ่งหลังฝึกงานเสร็จ เรียนจบ ผมก็ไปทำงานเป็นทีมประชาสัมพันธ์ให้ทีมฟุตซอลทีมชาติไทย จากการแนะนำของ นายกวันกล้า ขวัญแก้ว (นายกสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์ในปัจจุบัน) หลังจากนั้นก็ได้ย้ายไปอยู่ที่สถานีทีสปอร์ต สมัยที่ยังอยู่ในเคเบิ้ลทีวี เพราะใจจริงแล้วอยากเป็นนักข่าวมากกว่า PR แม้ตอนทำงานกับฟุตซอล จะได้เงินเดือนเยอะกว่าก็ตามนะ แต่ผมก็เลือกมารับเงินเดือนน้อยกว่ากับอีกที่เพื่อเดินตามความฝันครับ ต่อมาปี 2013 มีข่าวว่าประเทศไทยจะเปิดดิจิตอลทีวี ผมเลยหาความก้าวหน้าด้วยการมาสมัครสอบ แล้วก็ได้เป็นนักข่าวของไทยรัฐตั้งแต่นั้นจนมาถึงตอนนี้ครับ

Q : กว่าจะได้มาเป็นผู้ประกาศข่าวผ่านหน้าจอและผู้บรรยายฟุตบอล ใช้เวลานานขนาดไหน แล้วต้องฝึกทักษะอะไรบ้าง ? โบโบ้ : ก็ใช้เวลานานหลายปีเลยแหละครับ มันก็เริ่มจากการนั่งเขียนข่าว แปลข่าวก่อนอยู่แล้ว เป็นสเตปแรกของสายงานนี้ทุกคน ผมเองก็พยายามพิสูจน์ตัวเองนะ รอโอกาส เมื่อมีโอกาสก็คว้าเอาไว้ กล้าคิดกล้าพูดกล้าทำ เหนื่อยก็ทำไม่เคยเกี่ยงงาน จนเริ่มได้ออกภาคสนาม แล้วก็ฝึกมาเรื่อยๆ วันนึงพอมีคนโยกย้าย หรือปลดตัวเอง โอกาสมาถึงเรา เราก็เลยตั้งใจทำอย่างดีที่สุด ทำให้คนดูจำเราให้ได้ และอยากเห็นเรามาประกาศหรือบรรยายอีกแนวๆเนี้ยครับ ตรงนี้สอนกันยาก มันเป็นคุณลักษณะเฉพาะตัวจริงๆครับ

Q : ปีนี้ทราบมาว่ามีโอกาสได้มาบรรยายฟุตบอลไทยระดับสโมสรเต็มตัว และบรรยายคู่เอกทุกสัปดาห์ด้วย เอาจริงๆแล้วมีความประหม่าหรือกดดันมั้ย เพราะทีมผู้บรรยายชุดก่อนหน้านี้หลายปีที่ผ่านมา ทำมาตรฐานไว้ค่อนข้างสูง ?

โบโบ้ : เอาจริงๆแล้วการบรรยายฟุตบอล ขึ้นอยู่กับรสนิยมของคนดูเลยครับ ว่าชอบแบบไหน , คนไหน หรือสไตล์ไหน ? ส่วนตัวผมเองไม่กดดันครับ เพราะก็มีประสบการณ์มาระดับหนึ่ง แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด มีสมาธิ มีความมั่นใจ หมั่นพัฒนาตัวเองหาความรู้มาใส่ตัวอยู่ตลอดครับ

Q : การบรรยายฟุตบอล จะมีผู้บรรยายสองคน หรือที่เรียกกันว่า ปาก 1 และ ปาก 2 อยากให้อธิบายตรงนี้ให้เห็นภาพนิดนึงครับ ว่าเป็นยังไง แต่ละคนมีหน้าที่อย่างไรบ้าง แล้วหลักๆชอบพากย์ปากไหนมากกว่ากัน ? โบโบ้ : การพากย์หรือการบรรยายฟุตบอล ถ้าเรียกกันตามผู้บรรยายที่เข้าใจกันคือ ปาก 1 และ ปาก 2 ซึ่งปาก 1 เอง จะทำหน้าที่นำทางการแข่งขันฟุตบอลให้เกมนั้นดูสนุก ติดตามจังหวะในเกม เช่น บอลอยู่ที่ใคร ส่งไปให้ใคร และใครยิงประตู ส่วนปาก 2 จะทำหน้าที่เพิ่มเติมรายละเอียดของเกมให้ครบถ้วน หลักๆเลยจะเป็นภาพช้า เพิ่มเติมข้อมูลนักกีฬาต่างๆ แต่ก็จะต้องมีความเข้าขากับปาก 1 รวมทั้งเคมีที่ลงตัว เพื่อไม่ให้การบรรยายไปคนละทิศทาง ส่วนตัวผมเองชอบ ปาก 2 มากกว่านะ เพราะชอบพูดเก็บรายละเอียดเกมมากกว่า

Q : ตั้งแต่บรรยายฟุตบอลมา มีนัดไหนที่ประทับใจและอยู่ในความทรงจำมากที่สุด เพราะอะไร ? โบโบ้ : ก็คงจะเป็นฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกรอบสอง นัดที่ ไทยเอาชนะยูเออี 2-1 ครับ เพราะวันนั้นพากย์แล้วทีมชาติไทยชนะ อีกทั้งอุณหภูมิของเกมมันตื่นเต้นมากๆทุกนาทีเลย

Q : อยากให้ไกด์ไลน์ถึงน้องๆที่อยากเข้ามาทำงานด้านนี้ จริงๆแล้วควรจะเรียนอะไรและเตรียมตัวอย่างไร ? โบโบ้ : จริงๆแล้วเรียนอะไรก็ได้นะครับ ถ้าชอบดูกีฬา ดูกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ เป็นนักข่าวได้แน่นอน เพราะคนชอบกีฬาก็จะติดตามข่าวเสมอ ส่วนถ้าอยากทำงานสายนี้จริงๆ ก็ต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าชอบอะไร ? อยากเป็นอะไร ? สายงานนี้มันมีย่อยๆลงไปอีกเยอะมาก บางคนถนัดเขียน ก็ไปเป็นคอลัมนิสต์ , ถนัดพูด ก็มาเป็นดีเจ ประกาศข่าว หรือถนัดพากย์ ก็มาเป็นผู้บรรยาย ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้องค้นหาตัวเองให้เจอ ที่สำคัญเลยก็คือ มันไม่ง่าย อย่ายอมแพ้ จงอย่ามองข้ามโอกาสที่มันอาจจะเข้ามาแค่ครั้งเดียว และหมั่นพัฒนาตัวเองอยู่เสมอครับ

Q : หลังทีมชาติไทยได้แชมป์ ซูซูกิคัพ 2020 ดูเหมือนว่าฟุตบอลไทยจะกลับมาฟีเวอร์และแฟนๆมีความสุขอีกครั้ง ตรงนี้คิดว่าจะส่งผลต่อภาพรวมช้างศึกหลังจากนี้รวมถึงฟุตบอลลีกอย่างไรบ้าง ? โบโบ้ : ที่สุดแล้วยังไงฟุตบอลก็คือกีฬาอันดับ 1 ที่คนไทยติดตามและอยากให้ประสบความสำเร็จมากที่สุด การคว้าแชมป์ซูซูกิ เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายช่วยกัน สโมสรก็มีส่วนสำคัญที่ส่งนักเตะมาให้ใช้งาน รวมไปถึงการทำงานของทีมบริหารสมาคมฯ ถ้าทีมชาติผลงานดี มันจะส่งผลดีทำให้กระแสของลีกภายในประเทศดีไปด้วยครับ

Q : อยากให้ลองฟันธงทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์ไทยลีก 2021-22 มากที่สุดหน่อยครับหลังผ่าน 20 นัด โบโบ้ : ตอนนี้เดายากนะ ตอนแรกคิดว่าบุรีรัมย์จะไปยาวๆ แต่สองนัดหลังสุดเก็บได้ 1 คะแนน ก็มีแผ่วเหมือนกัน ซึ่งองค์ประกอบทั้งหมดพวกเขายังดูมีโอกาสมากที่สุด ส่วน ทรูแบงค็อกฯ เองก็มีโอกาสเหมือนกัน หากเก็บชัยชนะได้ติดๆกัน ยิ่งได้โค้ชแบนกลับมาแล้ว ทีมน่าจะคึกคักขึ้น คิดว่าไม่น่าจะพ้นสองทีมนี้ครับ

Q : ยุคสื่อผลัดใบ ไล่มาตั้งแต่ หนังสือพิมพ์ , วิทยุ , โทรทัศน์ จนทุกวันนี้มาเป็นโซเชียลออนไลน์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ตรงนี้มีการปรับตัวตามอย่างไรครับ ? โบโบ้ : ในโลกยุคนี้เราก็ต้องหาความรู้ใส่ตัวอยู่ตลอดครับ ต้องเปิดรับทุกอย่าง ซึ่งใครปรับตัวช้าจะเสียเปรียบคู่แข่งทันทีเลยแหละ แพลตฟอร์มใหม่ๆมีตลอด เพื่อตอบสนองผู้บริโภค ใครเห็นโอกาสและช่องทางก่อน ก็มีโอกาสไปได้ไกลกว่าหรือรอดนั่นเองครับ

Q : สุดท้ายให้ฝากผลงานหรือช่องทางติดตาม เชิญเลยครับ โบโบ้ : ติดตามผมได้ทาง FB : Krirkchai Khunto หลักๆแล้วตอนนี้ก็จะมีทางไทยรัฐทีวีนะคับ ประกาศข่าวกีฬากับบรรยายฟุตบอลไทย ส่วนที่เหลือมอบเวลาทั้งหมดให้ภรรยาสุดที่รักและครอบครัวครับ ^^

และนี่ก็คือเส้นทางอาชีพรวมทั้งไกด์ไลน์เบื้องต้นสำหรับงานสื่อ ประกาศข่าวและพากย์กีฬาโดยทาง "โบโบ้" เกริกชัย ซึ่งหวังว่าคงจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ทุกอยากทำงานด้านนี้ได้บ้างไม่มากก็น้อยเลยนะครับ สำหรับ Inspire Connects สานต่อแรงบันดาลใจ ในฉบับต่อไป ฉบับที่ 3 ของปีหน้า เราจะพาไปพูดคุยกับใครในวงการกีฬา จะเป็นหนุ่มหล่อหรือสาวสวยมากความสามารถ ติดตามกันไว้ให้ดีๆนะครับ แล้วพบกันใหม่ในเดือน มี.ค. สำหรับวันนี้ กราบสวัสดีครับ!

เรียบเรียงโดย : NickyMAN (นิก ธีร์ธวัช)