TNN online ดร.อนันต์ตอบข้อสงสัยทำไมต้องนำไวรัสอายุ 40 ปีมาทำ “วัคซีนฝีดาษลิง”

TNN ONLINE

สังคม

ดร.อนันต์ตอบข้อสงสัยทำไมต้องนำไวรัสอายุ 40 ปีมาทำ “วัคซีนฝีดาษลิง”

ดร.อนันต์ตอบข้อสงสัยทำไมต้องนำไวรัสอายุ 40 ปีมาทำ “วัคซีนฝีดาษลิง”

ดร.อนันต์ตอบข้อสงสัยเหตุใดทำไมต้องนำไวรัสอายุนานกว่า 40 ปี มาทำเป็นวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิง

วันนี้( 1 มิ.ย. 65) ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ไบโอเทค โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana เกี่ยวกับ โรคฝีดาษลิง โดยระบุว่า "มีคำถามเกี่ยวกับวัคซีนฝีดาษลิงน่าสนใจครับ ถามว่าตอนนี้เรามีเทคโนโลยีหลายตัวทั้ง mRNA, viral vector, recombinant subunit ที่สามารถสร้างวัคซีนได้ไว ทำไมต้องไปนำไวรัสที่เก็บมาตั้งแต่ 40 ปีที่แล้วมาทำเป็นวัคซีน และ ที่สำคัญยังไม่แน่ใจด้วยว่าจะนำมาใช้ได้จริงหรือเปล่า แบบนี้เท่ากับว่าวิทยาศาสตร์ย้อนยุคกลับไปเทคโนโลยีตั้งต้นหรือเปล่า...เป็นคำถามที่ดีมากๆครับ

จะตอบคำถามข้อนี้ได้ชัดขึ้นคงต้องแนะนำให้รู้จักตัวไวรัสตระกูลฝีดาษลิง หรือ Poxvirus กันก่อน อนุภาคไวรัสของฝีดาษลิงมีขนาดใหญ่กว่าไวรัสโรคโควิด-19 มากพอสมควร และ ที่แตกต่างกันชัดเจนคือ ไวรัสโรคโควิด-19 มีกลไกการติดเชื้อเข้าสู่เซลล์ที่ชัด ตรงไปตรงมา ง่ายๆคือใช้โปรตีนหนามสไปค์ที่อยู่บนผิวของอนุภาคไวรัสจับกับโปรตีนตัวรับบนผิวเซลล์ของโฮสต์ ถ้ามีวัคซีนที่ไปสร้างภูมิ หรือ แอนติบอดีต่อหนามสไปค์ไปยับยั้งกระบวนการจับกันดังกล่าว คือ จบ ไวรัสไปต่อไม่ได้ วัคซีนจึงมุ่งไปที่การสร้างสไปค์ให้ร่างกายรู้จัก เพื่อสร้างแอนติบอดีให้สูงๆ

แต่ไวรัสฝีดาษลิงไม่เหมือนกับโควิดหลายประการ ที่ชัดที่สุดคือ อนุภาคไวรัสตระกูลฝีดาษลิง มีอยู่ถึง 2 รูปแบบที่แตกต่างกัน โดยทั้ง 2 รูปแบบสามารถติดเชื้อและสร้างเป็นไวรัสใหม่ในธรรมชาติได้ทั้งคู่ รูปแบบแรกชื่อว่า IMV หรือ MV ส่วนอีกรูปแบบนึง ชื่อว่า EEV หรือ EV ซึ่งทั้ง MV และ EV เป็นลักษณะของอนุภาคไวรัสที่สร้างออกมาแบบปนๆกันจากเซลล์ที่ติดเชื้อ และพร้อมที่จะเพิ่มปริมาณต่อในเซลล์ข้างเคียง หรือ ปลดปล่อยแพร่ไปหาคนอื่น จุดท้าทายคือ MV และ EV มีกลไกการติดเข้าสู่เซลล์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง จากภาพ MV จะมีโปรตีนอยู่บนผิวอยู่จำนวนนึง (โปรตีนสีเหลือง) ซึ่งเชื่อว่าทำหน้าที่คล้ายๆกับสไปค์ในการจับกับโปรตีนตัวรับ โปรตีนเหล่านั้นโดยหลักการแล้วคงสามารถนำมาพัฒนาเป็นวัคซีนต่อได้ แต่ EV ดันไปมีโครงสร้างของชั้นไขมันอีกหนึ่งชั้นมาหุ้ม MV ต่ออีก ซึ่งบนชั้นไขมันนั้นก็มีโปรตีนอีกชุดนึง (โปรตีนสีฟ้า) ที่ใช้ในการเข้าสู่เซลล์ได้เช่นกัน ซึ่งทุกวันนี้เรายังไม่ทราบเลยว่าโปรตีนชุดสีฟ้ามีกี่ชนิดอะไรบ้าง...ถึงจุดนี้คงนึกภาพออกว่า เราจะเอาอะไรไปทำเป็นแอนติเจนของวัคซีนดี โปรตีนเหลือง หรือ โปรตีนฟ้า หรือ ทั้งคู่ และ มีโปรตีนอะไรบ้างที่ต้องเอามาใส่ในวัคซีนถึงจะพอต่อการป้องกันการติดเชื้อ...วันนี้ยังไม่มีคำตอบครับ

วิธีการที่ดีที่สุดคือ เลียนแบบธรรมชาติ เราไม่ทราบว่ามีโปรตีนอะไรบ้างที่พอจะสร้างภูมิ แต่ธรรมชาติให้ไวรัสที่มีคุณสมบัติใกล้เคียง เพียงพอต่อการกระตุ้นภูมิข้ามสามพันธุ์มาป้องกันไวรัสฝีดาษลิง หรือ ฝีดาษคนในระดับสูงได้ ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่อการใช้ไวรัสตามธรรมชาติดังกล่าว แต่ด้วยคุณสมบัติที่อ่อนเชื้อลงในระดับที่รับได้ จึงทำให้ไวรัสเก่าแก่กว่า 40 ปี ยังต้องเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอยู่ครับ"  อ่านโพสต์ ที่นี่

ดร.อนันต์ตอบข้อสงสัยทำไมต้องนำไวรัสอายุ 40 ปีมาทำ “วัคซีนฝีดาษลิง”


ข้อมูลจาก  : เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana

ภาพจาก :  AFP

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง