เกือบยกครัว! ลูกชายคนโตของผู้นำบราซิลติดโควิด-19

วันนี้ ( 26 ส.ค. 63 )รายงานว่า ลูกชายคนโตของนายโบลโซนาโร ส.ว.ฟลาวิโอ โบลโซนาโร ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว โดยนับเป็นสมาชิกคนที่ 4 ของครอบครัวโบลโซนาโรที่ติดเชื้อ คือ ปธน.โบลโซนาโร, ภรรยา มิเชล โบลโซนาโรค, ฌาอีร์ เรแนน โบลโซนาโร (ลูกชายอีกคน) และล่าสุดคือลูกคนโต  (ซึ่งนายโบลโซนาโรมีลูกทั้งหมด 5 คน)

นายฟลาวิโอ เปิดเผยว่าติดเชื้อเมื่อวานนี้ ไม่มีอาการ แต่ได้ทำการแยกกักตัวเองแล้ว พร้อมระบุว่า เขาได้รักษาด้วยการกินยา azithromycin และ คลอโรควิน ซึ่งเป็นยาต้านโรคมาลาเรียที่ผู้เป็นพ่อประกาศว่ากินเพื่อรักษาเช่นกัน  แม้ยังไม่มีการทดลองทางคลินิกว่ายาตัวนี้มีประสิทธิภาพเพียงพอ 

อีกทั้งยังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ใกล้ชิดของนายโบลโซนาโร ก็พบว่าติดเชื้อแล้วหลายคน เช่นเดียวกับรัฐมนตรีในครม.บราซิล ที่พบติดโควิด-19 แล้ว 8 คน

ทั้งนี้ บราซิลพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้วมากกว่า 3.6 ล้านคน และเสียชิวตมากกว่า 115,000 คน เป็นรองเพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำของบราซิล ซึ่งมีแนวคิดขวาจัด เคยเป็นทหารยศร้อยเอกในกองทัพมาก่อน และเป็นคนที่ไม่ลงรอยกับนักข่าวมาโดยตลอด มักจะมีประเด็นจิกกัดกันออกมาอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดในระหว่างการจัดงานอีเวนต์ในประเทศเกี่ยวกับการต่อสู้กับโควิด-19  ซึ่งนายโบลโซนาโร ได้เล่าประสบการณ์การติดเชื้อโควิด-19 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และยังย้ำถึงการใช้ยา “ไฮดรอกซี่คลอโรควิน” ในการรักษา พร้อมบอกว่า การที่เขาเคยเป็นอดีตนักกีฬามาก่อน ทำให้ร่างกายแข็งแรง และเขามีอาการป่วยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเขาเคยย้ำมาตลอดว่าการที่เขาเป็นนักกีฬา ทำให้เขามีภูมิต้านทาน และแข็งแรงมากพอที่จะไม่ได้รับอันตรายหากติดเชื้อ 

“แต่หากเชื้อโควิด-19 ไปติดเข้าที่นักข่าวที่อ่อนแอแบบพวกคุณ โอกาสในการรอดชีวิตมีน้อยกว่ามาก” ..“เพราะพวกคุณรู้จักแต่การทำเรื่องเลวร้าย, การใช้ปากกาสร้างเรื่องราวขึ้นมา ดังนั้น โอกาสในการรอดชีวิตจึงต่ำมาก” 

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอาทิตย์ ก็มีประเด็น ที่นายโบลโซนาโร บอกว่า “อยากจะชกหน้านักข่าว” ระหว่างที่นักขาวถามเรื่องการโอนเงินหลายพันดอลลาร์อย่างผิดปกติเข้าสู่บัญชีของภรรยาของเขา จากอดีตผู้ช่วยของเขา ซึ่งกลายเป็นข้อกังขาเรื่องการทุจริต ทั้งที่นายโบลโซนาโล เคยระบุว่าเขาจะไม่ให้เกิดการคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดดขาด ซึ่งคำถามของนักข่าว ทำให้เขาเกิดอาการฉุนจัดจนสบถออกมาเช่นนั้น จนกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก 

เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline