เร่งสอบเกมปั่นคริปโทฯ เหรียญสัญญาติไทยสวิงหนัก (คลิป)
ย้อนกลับไปในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ต้องบอกว่ากระแสการเทรดคริปโทเคอร์เรนซีและเหรียญดิจิทัลในบ้านเราได้รับความสนใจจากนักลงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดการซื้อขายเหรียญดิจิทัลสัญญาณไทย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือราคาเหรียญเหล่านี้ ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนจะถูกกระหน่ำขายจนราคาร่วงหนักและทำให้หลายคนเจ็บตัวไปตามๆ กัน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "Pump and Dump" และสิ่งที่เกิดขึ้นนี่เอง เกิดเป็นคำถามว่า มีใครจงใจทำให้เกิดหรือมีเกมปั่นราคาเกิดขึ้นหรือไม่?
เรื่องนี้ จึงมีการสอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งได้รับการเปิดเผยจากคุณศักรินทร์ ร่วมรังษี รองเลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต.ว่า สำนักงาน มีความเป็นห่วงในประเด็นความผันผวนสูงของเหรียญดิจิทัล จากการปรับตัวขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็วของราคาเหรียญดิจิทัลที่ออกโดยผู้ประกอบการสัญญาณไทย หลักๆ ประกอบด้วย 3 เหรียญ คือ เหรียญ "KUB" เหรียญ "J FIN" และเหรียญ "SIX" ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น การจะเข้าไปตรวจสอบจะต้องพิจารณาจาก 2 เรื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาซื้อขาย Cryptocurrency ในตลาด
ในกรณีแรกหากการเคลื่อนไหวของราคาซื้อขายเหรียญดิจิทัลในกระดานเทรด มีความผันผวนผิดปกติที่มาจากการสร้างราคา หรือการให้ข่าวเพื่อปั่นราคา หรือการใช้ข้อมูลภายในในการสร้างราคาซื้อขาย (Insider trading) ในกรณีนี้ ทาง สำนักงาน ก.ล.ต.สามารถเข้าไปกำกับดูแลได้ตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.สินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561
ส่วนในกรณีที่สอง หากเกิดจากกการความผันผวนตามธรรมชาติที่เป็นไปตามภาวะของตลาด ทำให้ส่งผลต่อราคาซื้อขายเหรียญดิจิทัลในกระดานมีความผันผวน ในกรณีนี้ ก.ล.ต.นี้ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามภาวะของตลาด ซึ่งไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติในการที่มีคนเข้าไปสร้างหรือปั่นราคาขึ้นมา
ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. ย้ำว่าการตรวจสอบข้อมูลข้างต้น จะต้องนำทั้ง 2 ประเด็นมาพิจารณาประกอบกัน เบื้องต้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปออกมาเร็ว ๆ นี้
รองเลขาธิการ ก.ล.ต. ยอมรับว่าปัจจุบัน มีนักลงทุนที่สนใจเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นจำนวนมาก โดยที่มูลค่าการซื้อขายในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 2,500 ล้านบาท จากเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งซื้อขายกันเพียง 26 ล้านบาทเท่านั้น นอกจากนี้ จำนวนบัญชีของนักลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเอง ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน เพิ่มขึ้นมาเป็น 1.6 ล้านบัญชี จากสิ้นปีก่อนที่มีอยู่เพียง 170,000 บัญชีเท่านั้น
มีความเห็นเพิ่มเติมถึงแนวคิดการกำหนดเกณฑ์ Celling & Floor ของการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและเหรียญดิจิทัลเหมือนกับการซื้อขายหุ้นนั้น ทาง ก.ล.ต. ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมในเรื่องดังกล่าว ซึ่งต้องดูหลักการของทั่วโลกด้วยว่าการควบคุมเป็นอย่างไรบ้าง แต่ยอมรับว่าปัจจุบันการกำหนดเกณฑ์ Celling & Floor ยังไม่มีประเทศใดทำเกณฑ์ดังกล่าวขึ้นมา ทำให้การดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของ ก.ล.ต. เอง ก็ต้องสอดคล้องกับเกณฑ์ของประเทศอื่นๆ ด้วย
ส่วนการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาแสดงความกังวลการนำคริปโทเคอร์เรนซีและเหรียญดิจิทัล ไปใช้ในการแลกเปลี่ยน ซื้อขายสินค้าและบริการนั้น รองเลขาธิการ ก.ล.ต. ระบุว่า ในส่วนนี้ จะต้องเป็นการกำกับดูแลของธปท. ซึ่งทางก.ล.ต.เอง มองว่าการที่ธปท.แสดงความกังวลออกมานั้น อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่กระทบต่อกฎระเบียบเกี่ยวกับการชำระเงินของธปท. ซึ่งยังคงต้องรอทางธปท.ออกมาชี้แจงในเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ ในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ ทางธนาคารแห่งประเทศไทยจะจัดบรรยายสรุปสำหรับสื่อมวลชน ในกรณีที่ ธปท.ออกมาแสดงความเป็นห่วงต่อประเด็นการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อการชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งเดี่ยวเราคงได้ Update ในช่วงข่าวของ TNN
