TNN online NOBLE โชว์กำไร 9 เดือนแตะ 936 ล้านบาท เล็งเปิดโครงการใหม่ส่งท้ายปี

TNN ONLINE

Wealth

NOBLE โชว์กำไร 9 เดือนแตะ 936 ล้านบาท เล็งเปิดโครงการใหม่ส่งท้ายปี

NOBLE โชว์กำไร 9 เดือนแตะ 936 ล้านบาท เล็งเปิดโครงการใหม่ส่งท้ายปี

NOBLE โชว์กำไร 9 เดือนแตะ 936 ล้านบาท เตรียมเปิด “นิว คอนเนค เฮ้าส์ ดอนเมือง” ส่งท้ายปีพร้อมเร่งขายโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ สอดรับมาตรการ LTV ส่งซิกปี 65 เดินเกมรุกเปิด 18 โครงการใหม่ต่อเนื่อง

วันนี้( 12 พ.ย.64) นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล  ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดเผยถึงผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 สิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2564 ว่าบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,792 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 936 ล้านบาท ลดลง 22% และ 24% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (YoY) ขณะที่ไตรมาส 3/2564 บริษัทฯมีรายได้อยู่ที่ 877 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 150 ล้านบาท ลดลง 74% และ 71% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (YoY) ทั้งนี้สาเหตุที่ผลการดำเนินงานที่ลดลง เป็นการสะท้อนถึงการได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ในช่วงไตรมาส 3/2564 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลต่อ Sentiment ของผู้บริโภค

ขณะที่ยอดขาย (Pre-sales) สะสมในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,525 ล้านบาท โดยกว่า 3,400 ล้านบาทมาจากโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ และอีกกว่า 2,100 ล้านบาทมาจากยอดการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการคือ โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ และโครงการนิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา และโครงการนิว โนเบิล อื่นๆที่ทยอยเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้สำหรับในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 1 โครงการภายในไตรมาส 4/2564 คือโครงการนิว คอนเนค เฮ้าส์ ดอนเมือง มูลค่าโครงการประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแนวราบประกอบด้วยสินค้าประเภทบ้านแฝดและทาวน์โฮม ตั้งอยู่ในทำเลใกล้สนามบินดอนเมือง สามารถเข้าออกได้ทั้งถนนวิภาวดีรังสิตและถนนพหลโยธิน ในระดับราคาขายที่ 5-8 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเนื่องจากเป็นโครงการประเภทแนวราบซึ่งเป็นที่นิยมในตลาดปัจจุบันและด้วยทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพของโครงการ พร้อมทั้งเร่งการขายโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ที่มีอยู่ในมืออีกกว่า 3,500 ล้านบาท สอดรับกับภาพรวมตลาดในช่วงไตรมาส 4/2564 จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวซึ่งจะเป็นปัจจัยที่จะช่วยให้เศรษฐกิจและกำลังซื้อของประเทศไทยฟื้นตัว รวมถึงทำให้เกิดความเชื่อมั่นมากขี้นและจะเป็นผลดีต่อ Sentiment ของผู้บริโภค

“สำหรับปี 2564 บริษัทฯ ได้มีการชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ โครงการนิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา และ โครงการนิว คอนเนค เฮ้าส์ ดอนเมือง คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 6,900 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าแผนที่วางไว้จากเดิม 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 45,100 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้นบริษัทฯจึงได้มีการปรับเป้ายอดขายปีนี้เป็น 7,700 ล้านบาท” 

 นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) เป็นการชั่วคราว โดยกำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) เป็น 100% (จากเดิม 70% - 90%) สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ว่าจะเป็นการช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยได้เพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นการหนุนกำลังซื้อในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทางตรง และจะเป็นอีกปัจจัยที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี 2564 

อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565นั้น นายธงชัย มองว่า จะฟื้นตัวขึ้นจากปีนี้ หากไม่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ โดยปัจจัยบวกยังคงเป็นการคลี่คลายของโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อ Sentiment ของประชาชนในประเทศ ประกอบกับ ภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่เป็นข้อจำกัดมากขึ้น รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการ LTV ไปถึงสิ้นปี 2565 ด้วย 

โดยในปี 2565 NOBLE ได้เตรียมความพร้อมรับมือกับการฟื้นตัวของตลาด ด้วยการเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่รวมจำนวน 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 47,400 ล้านบาท (ส่วนหนึ่งเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดมาจากปี 2564) ซึ่งบริษัทได้วางเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise ในพอร์ตให้มากขึ้น เพื่อขยายพอร์ตให้มีสินค้ากระจายและคลอบคลุมในหลายทำเลมากขึ้น อีกทั้งการพัฒนาโครงการในลักษณะดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทฯสามารถรับรู้รายได้เร็วขึ้นเนื่องจากใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างน้อยลง โดยคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบในพอร์ตเกือบ 50% (ตามสัดส่วนการลงทุนของ NOBLE) โดยมีแผนจะพัฒนาโครงการในทำเลที่กระจายตัวมากขึ้น เช่น ในทำเลถนนดอนเมือง ถนนราชพฤกษ์ ถนนเอกมัย-รามอินทรา ถนนกรุงเทพกรีฑา และในทำเลที่ใกล้เมกาบางนา เป็นต้น 

นอกจากนี้ ในช่วงต้นปี 2565 บริษัทฯมีแผนออกหุ้นกู้ มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง


ข้อมูล : บริษัท โนเบิล  ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

ภาพประกอบ  : พีอาร์ บริษัท โนเบิล  ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)


ข่าวแนะนำ