TNN เงินบาทเช้านี้ เปิดตลาด ‘อ่อนค่าลงเล็กน้อย’ ที่ระดับ 37.06 บาทต่อดอลลาร์

TNN

Wealth

เงินบาทเช้านี้ เปิดตลาด ‘อ่อนค่าลงเล็กน้อย’ ที่ระดับ 37.06 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้ เปิดตลาด ‘อ่อนค่าลงเล็กน้อย’ ที่ระดับ 37.06 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้เปิดตลาด ‘อ่อนค่าลงเล็กน้อย’ ที่ระดับ 37.06 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบวันนี้คาดอยู่ที่ระดับ 36.90-37.10 บาท/ดอลลาร์

วันนี้ ( 29 เม.ย. 67) นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  37.06 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  37.03 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.90-37.10 บาท/ดอลลาร์


นับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.96-37.08 บาทต่อดอลลาร์) ตามแนวโน้มเงินดอลลาร์และราคาทองคำที่แกว่งตัวในกรอบ sideways เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ ในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะ ผลการประชุมเฟด และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ทั้ง ยอดการจ้างงาน และดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดก็เริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น หลังค่าเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เคลื่อนไหวผันผวนสูง คล้ายกับช่วงที่มีการเข้าแทรกแซงค่าเงินโดยทางการญี่ปุ่น (แม้ว่าทางการญี่ปุ่นจะยังไม่ยืนยันการเข้าแทรกแซงก็ตาม) 


โดยผู้เล่นในตลาดอาจเริ่มประเมินว่าค่าเงินเยนแถว 160 เยนต่อดอลลาร์ อาจเป็นโซนที่ทางการญี่ปุ่นประเมินว่าเป็นการผันผวนอ่อนค่าเกินไปและเสี่ยงต่อการถูกเข้าแทรกแซง ซึ่งภาพดังกล่าว ก็อาจช่วยลดทอนแรงหนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ได้ ในกรณีที่เงินเยนจะไม่สามารถอ่อนค่าไปเกินระดับ 160 เยนต่อดอลลาร์ และมีโอกาสพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ (หากประเมินจากส่วนต่างระหว่างบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นล่าสุด เงินเยนญี่ปุ่นอาจแกว่งตัวในช่วง 155 เยนต่อดอลลาร์ ได้)


สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อในฝั่งยูโรโซน ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ส่วนในฝั่งเอเชีย ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (Manufacturing and Services PMIs) ของจีน ในเดือนเมษายน ที่หากออกมาสูงกว่าระดับ 50 จุด ก็อาจยังคงสะท้อนการทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจจีน และช่วยให้ผู้เล่นในตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อภาพเศรษฐกิจมากขึ้นได้


สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท ประเมินว่า เงินบาทอาจมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways ในกรอบไม่ต่างจากวันก่อนหน้า โดยผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ และผลการประชุมเฟด ทั้งนี้ เงินบาทก็ยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่บ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ ตลอดสัปดาห์นี้ และโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้นำเข้าในช่วงปลายเดือน แต่หากผู้เล่นในตลาดไม่ได้มีความกังวลต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดมากขึ้น (จนกว่าจะรับรู้ผลการประชุมเฟด และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ) อีกทั้ง ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ในจังหวะที่เงินบาทผันผวนอ่อนค่าเหนือระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์ เราประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจจำกัดอยู่ในโซนแนวต้าน 37.15-37.25 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่ได้ประเมินไว้

ทั้งนี้ คงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่าที่ชัดเจน ทำให้แม้เงินบาทอาจมีการแข็งค่าขึ้นมาบ้าง ก็อาจติดโซนแนวรับแถว 36.80 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 36.60 บาทต่อดอลลาร์) จนกว่าตลาดจะมีการรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ หรือ ธีม US Exceptionalism ได้อ่อนกำลังลงชัดเจน (ต้องเห็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอลงมากขึ้น) เงินบาทถึงจะทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้






ภาพจาก: TNN ONLINE






ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง