"สุพัฒนพงษ์" ยืนยันรัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอฟื้นเศรษฐกิจจากโควิดอีก 4 แสนล้าน
"สุพัฒนพงษ์" ยอมรับเศรษฐกิจไทยพึ่งพารายได้จากภาคบริการ หากยังไม่เปิดเมืองรายได้ท่องเที่ยวยังไม่กลับมา ย้ำรัฐมีงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจเหลืออีกกว่า 4 แสนล้านบาท เพียงพอกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19
วันนี้( 9 ก.ย.64) สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปาถกฐาพิเศษ อนาคตเศรษฐกิจไทย ใครชี้ชะตา ที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 14 ปี ช่อง TNN 16 ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมต้องยอมรับว่า โครงสร้างธุรกิจไทยพึ่งพาภาคบริการ จึงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาก แต่ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 ยังโต 7.5% สะท้อนให้เห็นว่าไทยยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจแม้จะไม่สูงมากเหมือนในอดีต ซึ่งเชื่อว่าหลังจากสถานการณ์ผ่อนคลายและรักษาระดับการแพร่ระบาดนี้ ไปจนถึงไตรมาส4 ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีจะทำให้เศรษฐกิจไทยเป็นบวกได้
ด้านการบริโภคภาคเอกชนยังเติบโตได้ดี สะท้อนจากผลกำไรของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท . ) ที่ครึ่งปีแรกสามารถทำกำไรรวมกว่า 5 แสนกว่าล้านบาท ขณะเดียวกันมีสัญญานบวกที่เอกชนมีการปรับตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมดั้งเดิมยังอยู่ได้ โดยการส่งออกยังสามารถโตได้หลักสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากสามารถสร้างความมั่นใจของลูกค้าช่วงที่ระบาดได้ ทั้งการดูแลสุขอนามัยทุกขั้นตอน
ด้านการลงทุนภาคเอกชนยังมีความพยายามและเล็งเห็นถึงโอกาสขยายการลงทุนในไทยและต่างประเทศ ขณะเดียวกันยังเห็นสัญญานบวกจากนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนในไทย สะท้อนจากตัวเลขจากบีโอไอ ที่ครึ่งแรกปี 64 มียอดรับส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 4 แสนล้านบาทสูงกว่าสปีที่แล้วเป็นเท่าตัว โดยหากยังษาเสถียรภาพเศรษฐกิจได้ น่าจะมีนักลงทุนขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะเป็นการขอรับลงทุนสูงสุดในรอบ 5 ปีอีกด้วย โดยเกือบๆ 40% ลงทุนในอีอีซี ส่วนการลงทุนภาครัฐ รัฐบาลก็พยายามใช้งบประมาณให้ได้ 100% เพื่อสร้างเสถียรภาพให้เศรษฐกิจ
ทั้งนี้หลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เมื่อ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา พบว่าการอุปโภคบริโภคก็ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งภาครัฐยังพร้อมที่จะเติมเงินลงไปสู่ระบบผ่านมาตรการอื่นๆที่รัฐบาลเตรียมไว้ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ยังคงไว้ เช่น "คนละครึ่ง " "เราเที่ยวด้วยกัน" หลังสถานการณ์ผ่อนคลายก็เชื่อว่าจะนำกลับมาใช้ อีกทั้งรัฐบยังเงินเหลืออีกกว่า 4 แสนล้าน จากพรบ.เงินกู้ จึงขอให้มั่นใจว่ารัฐพร้อมสนับสนุนมาตรการด้านเศรษฐกิจเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าไทยขาดรายได้เรื่องการท่องเที่ยว และเป็นหลุมดำทางเศรษฐกิจที่ต้องเติมให้เต็ม โดยมองว่ากว่าคนจะกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้งทั่วโลกต้องใช้เวลาหลายปี ซึ่งรัฐบาลเตรียมพร้อมมาตรการเปิดเมืองไว้ ผ่านโครงการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" เมื่อ 1 ก.ค.64 จนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยว เข้าภูเก็ตกว่า 1 หมื่นคน มียอดจองห้องพักกว่า 5 แสนห้อง ซึ่งจะใช้เป็นต้นแบบด้านการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการดูแลด้านสาธารณสุขเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว และพร้อมต่อการเปิดการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ฟื้นฟูการท่องเที่ยวได้ต่อไป
"วันนี้เราเริ่มมีวัคซีน ซึ่งช่วยบรรเทาการเสียชีวิต แม้จะมีการแพร่ระบาดอยู่ ถือว่าสถานการณ์ดีกว่าเดือน เม.ย. การที่เราจะพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ก็เกิดจากทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันทำงาน ร่วมกันสนับสนุน ป้องกันตัวเองเป็นอย่างน้อย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ดังนัน้ถามว่าอนาคตเศรษฐกิจไทย ใครชี้ชะตา คนชี้ชะตาคือ ทุกคน ทุกภาคส่วน ที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง " นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว