หุ้นไทยรีบาวด์ปิดพุ่ง 21.15 จุด แรงซื้อหุ้นกลุ่มบิ๊กแคปคึกคัก
ตลาดหุ้นไทยรีบาวด์ปิดบวก 21.15 จุด แรงซื้อหุ้นกลุ่มบิ๊กแคปหนุน เกาะติดเงินเฟ้อสหรัฐฯ-ถ้อยแถลง "พาวเวล" ประเมินกรอบพรุ่งนี้แนวรับที่ 1,560 จุด แนวต้าน 1,575-1,600 จุด เน้นลงทุนหุ้นรับผลบวกจากเงินบาทอ่อนค่า
นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,570.99 จุด บวก 21.15 จุดหรือ 1.36 % ระหว่างวันซื้อขายสูงสุด 1,571.82 จุด และต่ำสุดที่ 1,555.88 จุด มูลค่าการซื้อขาย 75,210.44 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดบวกสอดรับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปิดบวกกันเป็นทิวแถว ยกเว้น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ที่ปิดลบ โดยหุ้นที่ดันตลาดวันนี้เป็นหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขนส่ง แบงก์ และปิโตรเคมี หลังจากสัปดาห์ก่อนปรับตัวลงแรงจากความกังวลล็อกดาวน์สกัดโควิดทำให้วันนี้เกิดTechnical Rebound ในระยะสั้น
สำหรับวันนี้นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,484.90 ล้านบาท ต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,436.63 ล้านบาท ในประเทศขายสุทธิ 3,527.68 ล้านบาท บัญชีบล.ขายสุทธิ 393.85 ล้านบาท
ทั้งนี้มองแนวโน้มหุ้นไทยยังผันผวนจากจำนวนผู้ติดเชื้อยังสูงต่อเนื่อง และการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า รวมถึงติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการลดคิวอี ตลอดจนตัวเลขผู้ติดเชื้อในอาเซียนที่นับวันยังเพิ่มสูงขึ้น
ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่ได้รับผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า เช่น NER กลุ่มส่งออกยางพาราที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าโดยล่าสุดเงินบาทอยู่ที่ 32.7 บาท/เหรียญฯ(อ่อนค่ากว่า 7.7%(ytd) เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว หนุนคำสั่งซื้อจากลูกค้าใหม่และเก่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หนุนแนวโน้มธุรกิจยางพาราของ NER จะเติบโตชัดเจนต่อจากนี้ โดยคาดกำไรสุทธิปี 2564-65 จะเพิ่มขึ้นถึง 87.5% yoy และ 17.4% yoy จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราและทิศทางราคายางพาราเพิ่มขึ้น
ถัดมาคือหุ้น LALIN (FV @ 11.40) หุ้นน้องใหม่ที่ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรปกติ 3 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2566) เติบโตเฉลี่ย 11% ต่อปี โดยปี 2564 ประเมินกำไรปกติ 1.32 พันล้านบาท (+9% yoy) สอดคล้องกับยอดโอนฯ 6.2 พันล้านบาท (+8% yoy) หนุนจากโครงการใหม่ที่จะเปิดปีนี้รวม 10-12 โครง การ มูลค่า 6-7 พันล้านบาท อีกทั้ง Valuation ยังโดดเด่น ที่มี PER ซื้อขายต่ำกว่า 7 เท่า, Net Gearing ต่ำสุดในกลุ่มฯ ที่ 0.26 เท่า และคาด Div Yield 6% ต่อปี (จ่ายปีละ 2 ครั้ง) อย่างไรก็ตาม ประเมินกรอบแนวรับพรุ่งนี้ที่ 1,560 จุด แนวต้าน 1,575-1,600 จุด