TNN online ให้ ‘เวลา’ เยียวยาทุกสิ่ง พอร์ตลงทุนก็เช่นกัน

TNN ONLINE

Wealth

ให้ ‘เวลา’ เยียวยาทุกสิ่ง พอร์ตลงทุนก็เช่นกัน

ให้ ‘เวลา’ เยียวยาทุกสิ่ง พอร์ตลงทุนก็เช่นกัน

ป็น 5 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดีที่สุดจะอยู่ที่ +19.48% ผลตอบแทนเฉลี่ยที่แย่ที่สุดจะติดลบ -0.84% เห็นได้ชัดว่าผลตอบแทนเฉลี่ยที่แย่ที่สุดจะลดลงตามระยะเวลาการลงทุนที่ยาวขึ้นเช่นกัน

ทุกๆ ครั้งที่คุณลงทุนคุณนึกถึงอะไรครับ
 

เชื่อว่า คำตอบแรกๆ ของคุณก็คงเป็นผลตอบแทน กำไร เงินปันผลใช่ไหมล่ะครับ

ก็ไม่แปลกหรอกครับ นักลงทุนทุกคนต่างพยายามงัดสารพัดกลยุทธ์และหลักการต่างๆ ในการลงทุนมาใช้เพื่อไปถึงเป้าหมายเดียวกัน ไม่ว่าจะลงทุนในหุ้น พันธบัตร กองทุน หรือกองทุน ETF แต่คุณรู้ไหมครั้งกลยุทธ์หนึ่งที่ถูกนึกถึงเป็นอย่างท้ายๆ เสมอก็คือ ‘ระยะเวลา’ ในการลงทุน

ว่าแต่ ‘เวลา’ เกี่ยวข้องอะไรกับการลงทุน 


จริงๆ แล้ว ‘เวลา’ ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับการลงทุน เปรียบเสมือน ‘กลยุทธ์การลงทุน’ สู้ตลาดอีกแบบหนึ่งได้เลย แถมยังเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่เรียบง่ายแต่สู้ตลาดได้ดีอีกด้วย  

 

‘เวลา’ กลยุทธ์ที่ไม่ควรถูกลืม

ก่อนที่คุณจะลงทุน นอกจากการทำความเข้าใจในความเสี่ยงในแต่ละสินทรัพย์ที่เลือกให้เหมาะกับคุณแล้ว ยังควรวางแผนกำหนดระยะเวลาในการลงทุนแต่ละครั้ง แต่ละกองเอาไว้ด้วย เพราะ ‘เวลา’ จะเป็นตัวกำหนดเส้นทางการลงทุนของคุณ ว่าการลงทุนครั้งนี้คุณมองเอาไว้ยาวแค่ไหน และสินทรัพย์ กลยุทธ์ หรือวิธีอะไรที่เหมาะกับเป้าหมายของคุณ

ที่สำคัญ ‘เวลา’ นี่แหละที่เป็นสูตรลับลดโอกาสขาดทุนจากการลงทุนของคุณได้ แค่ ‘เวลา’ จะทำให้โอกาสขอทุนลดลงจริงหรือ ผมขอ ‘เวลา’ ของคุณสักครู่ และมาหาคำตอบนี้ไปด้วยกันได้เลยในบทความนี้   


นานแค่ไหนคือ การลงทุน ‘ระยะยาว’ 

กรอบเวลาในการลงทุนมี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ การลงทุนระยะสั้น และการลงทุนระยะยาว 

 

การลงทุนระยะสั้น คือระยะเวลาการลงทุนตั้งแต่ 1-3 ปีขึ้นไป มักมีเป้าหมายระยะสั้นๆ เช่น นำเงินไปเที่ยวต่างประเทศ ออกรถ Tesla สักคัน หรือบางคนอาจจะลงทุนในระยะเวลาที่สั้นมากกว่านี้ เช่นการเล่นหุ้นเกร็งกำไรแบบวันต่อวัน หรือการลงทุนในค่าเงิน ทองคำ ที่เทรดเป็นหลักนาทีก็มี 

 

การลงทุนระยะยาว คือการลงทุนที่มีเป้าหมายตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป มักเป็นการลงทุนเพื่อเป้าหมายระยะยาว เช่น ลงทุนเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ยาทเกษียณ หรือเพื่ออิสรภาพทางการเงินในอนาคต และการลงทุนระยะยาวนี้ก็เป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบัน 

 

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนสาย VI (Value Investor)  แนวหน้าของประเทศไทย เคยกล่าวถึง ‘การลงทุนระยะยาว’ ไว้ว่าเป็นการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวที่จะถือไว้ยาวนาน ส่วนใหญ่เป็นระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป โดยคนที่ถือยาวขึ้นมาหน่อยก็อาจจะถึง 2-3 ปีขึ้นไป หรือบางคนถือยาวกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสไตล์ของแต่ละคน 

 

และสิ่งที่สำคัญคือการลงทุนตลอดเวลา คนที่เข้า ๆ  ออก ๆ  จากตลาดตามสถานการณ์ความผันผวน จะไม่ถือว่าเป็นนักลงทุนระยะยาว แต่มักจะถูกเรียกว่า ‘นักเก็งกำไร’ มากกว่า  

ประโยชน์ของระยะเวลาในการลงทุน สิ่งที่นักลงทุนหลายๆ คนอาจคาดไม่ถึงคือ ระยะเวลาสามารถช่วยลดความผันผวนของตลาดหุ้นได้ ซึ่งหมายความว่า ‘เวลา’ เป็นเหมือนกลยุทธ์ลดความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงลดโอกาสขาดทุนได้ด้วย  


สังเกตง่ายๆ จากกราฟหุ้น หากคุณดูกราฟ 1 วันจะเห็นความผันผวนของราคาได้อย่างชัดเจน แต่พอลองขยายออกมาดูที่ระยะเวลา 1 เดือน 1 ปี หรือ 5 ปี ความผันผวนที่เคยเห็นว่าสูงมากๆ ก็จะค่อยๆ ลดลง และหากถามว่าระยะเวลาสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างไร ให้คุณลองคิดย้อนกลับไปในปีที่ผ่านๆ มา ว่าเกิดวิกฤตหรือเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบตลาดหุ้นกี่ครั้ง มีโอกาสที่คุณจะดวงไม่ดีลงทุนในช่วงตลาดตกมากแค่ไหน เช่นในช่วงที่เกิดวิฤตการแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่ตลาดหุ้นผันผวนไปทั่วโลก หากคุณลงทุนแค่ระยะเวลาไม่กี่เดือน หรือ 1 ปี คุณอาจเจอกับวิกฤตทำให้พอร์ตขาดทุนเพียงอย่างเดียว แต่หากคุณลงทุนในระยะเวลาที่ยาวนานกว่านั้น ตามวัฏจักรของตลาดหุ้น จะมีบางปีที่ตลาดกลับตัวและราคาสินทรัพย์พุ่งขึ้นมาช่วยถัวเฉลี่ยให้พอร์ตของคุณได้ 


บทพิสูจน์ ‘เวลา’ เยียวยาอาการขาดทุน

‘เวลา’ จะเยียวยาทุกอย่าง เป็นคำพูดที่คุ้นหู แต่เราจะไม่มีทางรับรู้ถึงความจริงของมัน ถ้าเราไม่ได้ลองพิสูจน์ เช่นเดียวกับกลยุทธ์การลงทุนที่เรียบง่าย ที่ให้ ‘เวลา’ เยียวอาการขาดทุน ถ้าจะพูดลอยๆ ก็อาจจะไม่เห็นภาพ Jitta Wealth จึงหาบทพิสูจน์มาให้คุณแล้ว  

  

ให้ ‘เวลา’ กับการลงทุนหุ้น 

เริ่มจากการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตามข้อมูล S&P 500 Rolling Return ตั้งแต่ปี 2471 - 2565 หากลงทุนเป็นระยะเวลา 1 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดีที่สุดจะอยู่ที่ +52.56% และผลตอบแทนเฉลี่ยที่แย่ที่สุดจะติดลบถึง -43.84% หมายความว่า ในช่วงปี 2471 - 2565 หากคุณนึกอยากลงทุนสัก 1 ปี คุณอาจโชคดีได้กำไรสูงถึง +52.56% หรือหากโชคร้ายเลือกลงทุนในปีที่เกิดวิกฤตก็มีโอกาสขาดทุนมากถึง -43.84% 


หากคุณลงทุนเป็นระยะเวลาที่ยาวขึ้นเป็น 5 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดีที่สุดจะอยู่ที่ +30.85% ผลตอบแทนเฉลี่ยที่แย่ที่สุดจะติดลบ -12.71% ซึ่งหากยาวขึ้นอีก เป็น 10 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดีที่สุดจะอยู่ที่ +20.11% ผลตอบแทนเฉลี่ยที่แย่ที่สุดจะติดลบเพียง -1.67% เท่านั้น เห็นได้ชัดว่าผลตอบแทนเฉลี่ยที่แย่ที่สุดจะลดลงตามระยะเวลาการลงทุนที่ยาวขึ้น


แต่หากคุณลงทุนเป็นระยะเวลา 20 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดีที่สุดจะเป็น +17.70% และผลตอบแทนที่แย่ที่สุดก็จะยังคงได้กำไรถึง +2.37% หมายความว่า ไม่ว่าคุณจะลงทุนช่วงเวลาไหน ในระหว่างปี 2471 - 2565 และลงทุนเป็นเวลา 20 ปี คุณจะทำผลตอบแทนได้ตํ่าสุดที่ +2.37% โอกาสขาดทุนแทบไม่มีเลย

   

ให้ ‘เวลา’ กับพันธบัตร

ลองเปลี่ยนจากการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มาเป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ความเสี่ยงต่ำดูบ้าง ผลตอบแทนที่ได้ตามระยะเวลาที่ลงทุนจะเป็นอย่างไร 

ตามข้อมูล U.S. Government Bond Rolling Return ตั้งแต่ปี 2471 - 2565 หากลงทุนเป็นระยะเวลา 1 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดีที่สุดจะอยู่ที่ +32.81% และผลตอบแทนเฉลี่ยที่แย่ที่สุดจะติดลบ -17.83% หมายความว่า ในช่วงปี 2471 - 2565 หากคุณนึกอยากลงทุนเป็นระยะเวลา 1 ปี คุณอาจโชคดีได้กำไรกว่า +32.81% หรือหากโชคร้ายเลือกลงทุนในปีที่เกิดวิกฤตก็อาจขาดทุนได้มากถึง -17.83%


หากคุณลงทุนเป็นระยะเวลาที่ยาวขึ้นเป็น 5 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดีที่สุดจะอยู่ที่ +19.48% ผลตอบแทนเฉลี่ยที่แย่ที่สุดจะติดลบ -0.84% เห็นได้ชัดว่าผลตอบแทนเฉลี่ยที่แย่ที่สุดจะลดลงตามระยะเวลาการลงทุนที่ยาวขึ้นเช่นกัน


แต่หากคุณลงทุนเป็นระยะเวลา 10 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดีที่สุดจะเป็น +13.67% และผลตอบแทนที่แย่ที่สุดก็จะยังคงได้กำไร +0.11% หมายความว่าคุณแทบจะไม่ขาดทุนหากลงทุนเป็นระยะเวลา 10 ปีขึ้นไป นั่นเอง

 

ให้ ‘เวลา’ กับการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตหุ้นผสมพันธบัตร

หากคุณผสมกลยุทธ์เวลาและการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์เข้าด้วยกัน ผลตอบแทนตามระยะเวลาการลงทุนแต่ละช่วงจะเป็นอย่างไร หากลงทุนให้หุ้นสหรัฐฯ 50% และ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อีก 50% 


ตามข้อมูล S&P 500 Rolling Return และ U.S. Government Bond Rolling Return ตั้งแต่ปี 2471 - 2565 หากลงทุนเป็นระยะเวลา 1 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดีที่สุดจะอยู่ที่ +30.34% และผลตอบแทนเฉลี่ยที่แย่ที่สุดจะติดลบ -23.20% หมายความว่า ในช่วงปี 2471 - 2565 หากคุณลงทุนเป็นระยะเวลา 1 ปี คุณอาจโชคดีได้กำไรมากถึง +30.34% หรือหากโชคร้ายเลือกลงทุนในปีที่เกิดวิกฤตก็อาจขาดทุนได้มากถึง -23.20% 


หากคุณลงทุนเป็นระยะเวลาที่ยาวขึ้นเป็น 5 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดีที่สุดจะอยู่ที่ +19.61% ผลตอบแทนเฉลี่ยที่แย่ที่สุดจะติดลบ -3.75% เห็นได้ชัดว่าผลตอบแทนเฉลี่ยที่แย่ที่สุดจะลดลงตามระยะเวลาการลงทุนที่ยาวขึ้นเช่นกัน


แต่หากคุณลงทุนเป็นระยะเวลา 10 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดีที่สุดจะเป็น +15.67% และผลตอบแทนที่แย่ที่สุดก็จะยังคงได้กำไรถึง +2.40% หมายความว่าคุณแทบจะไม่ขาดทุนหากลงทุนเป็นระยะเวลา 10 ปี แม้จะลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เนื่องจากมีพันธบัตรเข้ามาช่วยให้พอร์ตสมดุลและผันผวนน้อยลง 

 

จากข้อมูลการลงทุนในสินทรัพย์ทั้งหุ้นและพันธบัตร หรือจะเป็นการลงทุนทั้ง 2 สินทรัพย์ในพอร์ตเดียวกัน กลยุทธ์รอเวลา สำหรับการลงทุนระยะยาว ถูกพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยลดโอกาสขาดทุนได้ และเพิ่มความทนทานของพอร์ตของคุณได้ทุกสภาวะตลาด 


ตลาดหุ้นมีขึ้นมีลงแต่แนวโน้มในระยะยาวก็ยังคงเป็นการขยับเพิ่มขึ้นอยู่ดี ตามข้อมูลตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500 Rolling Return) ตั้งแต่ปี 2471 - 2565 พบว่าตลาดหุ้นตกติดกันยาวนานที่สุดคือ 4 ปี ในช่วงปี 2472 2473 2474 และ 2475 ที่เกิดเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ และเป็นผลพวงที่ทำให้เกิดสงครามโลก จากนั้นตลาดก็ไม่เคยตกติดๆ กันเกิน 3 ปีอีกเลย ดังนั้นหากคุณลงทุนเกิน 3 ปี โอกาสที่พอร์ตจะขาดทุนก็จะต่ำ และต่ำลงเรื่อยๆ ตามระยะเวลาของการลงทุนที่ยาวนานขึ้น


แม้จะไม่สามารถการันตีได้ว่าอนาคตจะไม่เกิดวิกฤตร้ายแรงที่ฉุดเศรษฐกิจหรือตลาดหุ้นลงติดๆ กันเกิน 4 ปี แต่หากคุณลงทุนระยะยาวและไม่ถอดใจออกจากตลาดไปเสียก่อน ระยะเวลาก็จะคอยช่วยให้มูลค่าพอร์ตลงทุนกลับมาสู่จุดที่ควรจะเป็น


สุดท้ายแล้ว คำกล่าวที่ว่า “ระยะเวลาจะเยียวยาทุกอย่าง” ก็ใช้ได้กับการลงทุนเช่นเดียวกัน  

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth


ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์

• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD

———————————————————————

ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่ 

• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube

• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok

 

หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวแนะนำ