ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งปีแรก
แนวโน้มราคาทองคำระยะสั้นฟื้นตัว แต่ยังต้องระวังแรงเทขายเนื่องจากทิศทางราคาทองคำเป็นขาลง หลังจากราคาลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำเป็นทุนสำรองในปี 2565 มูลค่ามากสุดในรอบ 55 ปีนับตั้งแต่ปี 2510 ซึ่งซื้อรวมกันมากถึง 1,136 ตัน หรือมูลค่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 152% จากที่ปี 2564 มีการเข้าซื้อทองคำ 450.1 ตัน ซึ่งการเข้าซื้อทองคำในปีนั้นของธนาคารกลางเป็นการเข้าซื้อสุทธิติดต่อกันปีที่ 13 และนับว่าเป็นปีที่มียอดซื้อสุทธิสูงสุดเป็นอันดับ 2 จากที่เคยมีการบันทึกในประวัติการณ์ โดยเฉพาะความต้องการซื้อในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ที่มีการซื้อทองคำรวมกันกว่า 862 ตัน แต่การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางในปีที่ผ่านมานั้น ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน ตุรเคีย ที่เข้าซื้อทองคำมากที่สุด โดยธนาคารกลางจีนมีการเข้าซื้อทองคำเป็นทุนสำรองเพิ่มขึ้น 32 ตัน ในเดือนพ.ย. ถือว่าเป็นการเข้าซื้อครั้งใหญ่ที่สุด และเป็นการประกาศเพิ่มปริมาณทองคำเป็นทุนสำรองครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2562 ขณะที่ยังคงซื้อต่อเนื่องในเดือนธ.ค. ทำให้จีนเข้าซื้อทองคำเป็นทุนสำรองทั้งหมดกว่า 62.21 ตันในปี 2565 ขณะที่ธนาคารกลางตุรเคีย ยังคงเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารกลางตุรเคียเข้าซื้อทองคำสุทธิทั้งปี 148 ตัน ซึ่งสูงกว่า 126 ตันในปี 2562 และมากที่สุดของธนาคารกลางอื่น ๆ ที่มีการรายงาน
ขณะที่ธนาคารทั่วโลกยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องในปีนี้ โดยปีนี้ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าสะสมทองคำเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้กว่า 228.4 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 176% ที่ 82.7 ตันในไตรมาสแรกปี 2565 และยังคงเป็นจีน ตุรเคียที่ยังคงเป็นพระเอกปีนี้ ถึงแม้ว่าการซื้อทองคำของธนาคารกลางจะชะลอตัวลงในไตรมาส 2 ของปีนิ้ เมื่อเทียบกับการซื้อทองคำเฉลี่ยที่สูงในไตรมาส 2 ปี 2565 แต่อย่างไรก็ตามการซื้อทองคำของธนาคารกลางในครึ่งปีแรกทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 387 ตัน ทั้งนี้แนวโน้มด้านการลงทุนและอุปสงค์ด้านเครื่องประดับฟื้นตัวขึ้น ซึ่งก็ทำให้ทองคำยังมีปัจจัยบวกและน่าสนใจ
แม้ว่าราคาทองคำจะสูง แต่การบริโภคทองคำปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบรายปี ที่ 476 ตัน การลงทุนทองคำแท่งและเหรียญเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบรายปี เป็น 227 ตันในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นผลมาจากตุรเคียเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ นอกจากนี้ปริมาณการใช้ทองคำของจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้นกว่า 16% แตะที่ 554.88 ตัน ขณะเดียวกัน ผลผลิตทองคำเพิ่มขึ้น 2.24% แตะที่ 178.598 ตัน โดยปริมาณการใช้ทองรูปพรรณเพิ่มขึ้นเกือบ 15% แตะที่ 368.26 ตันในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวไม่นับรวมทองคำสำรองที่ซื้อโดยธนาคารกลางจีน (PBOC) ขณะที่จีนเพิ่มทองคำสำรองติดต่อเป็นเวลานานถึง 8 เดือน มาที่ 2,330 ตัน ส่วนการผลิตทองคำของบริษัททองคำกลับคืนสู่ภาวะปกติแล้วในช่วงครึ่งแรกของปี 2566
ทองคำยังคงน่าสนใจในระยะยาว เนื่องจากอุปสงค์ของทองคำเริ่มฟื้นตัว ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นตุรเคีย จีน หรือแม้ล่าสุดรัสเซียจะกลับมาซื้อทองคำอีกครั้ง โดยวางแผนจะซื้อสกุลเงินต่างประเทศและทองคำรวมมูลค่า 433 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระหว่างวันที่ 7 ส.ค.- 6 ก.ย. หลังรายได้ด้านพลังงานฟื้นตัวสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ในร่างงบประมาณ จึงคาดว่าในเดือนนี้อาจมียอดเข้าซื้อทองคำสำรองจากรัสเซีย
แนวโน้มราคาทองคำระยะสั้นฟื้นตัว แต่ยังต้องระวังแรงเทขายเนื่องจากทิศทางราคาทองคำเป็นขาลง หลังจากราคาลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่วนสัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.
ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งปีแรก
Gold Bullish
ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย
ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคาร
อุปสงค์ทองคำฟื้นตัว
Gold Bearish
การเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,923 ดอลลาร์ และ 1,910 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,954 ดอลลาร์ และแนวต้าน 1,968 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 31,600 บาท และ 31,500 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 31,950 บาท และ 32,000 บาท
ธนรัชต์ พสวงศ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์
• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD
———————————————————————
ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok
หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O