TNN online หุ้นไทยวันนี้ คาดกรณี SVB ล้มกระทบตลาด

TNN ONLINE

Wealth

หุ้นไทยวันนี้ คาดกรณี SVB ล้มกระทบตลาด

หุ้นไทยวันนี้ คาดกรณี SVB ล้มกระทบตลาด

หุ้นไทยวันนี้ คาดกรณี SVB ล้ม อาจกระทบตลาดระยะสั้นแต่ไม่ลุกลาม

บล.กรุงศรี พัฒนสิน คาด ตลาด “Sideways” ต้าน 1601/1615 จุด รับ 1589/1584 จุด ระยะสั้นผันผวน จากกรณีธนาคาร SVB ในสหรัฐฯ ประสบภาวะ Bank Run ขาดสภาพคล่อง แต่ทางการสหรัฐฯแก้ไขปัญหาเร็ว คือ สั่งปิด SVB รวมถึง Singnature Bank พร้อมประกาศคุ้มครองเงินฝากทั้งหมดช่วยจำกัดผลกระทบในระยะสั้น ด้วยสัญญาณลบต่อธุรกิจต่างๆในสหรัฐฯจากภาวะดอกเบี้ยสูง เชื่อว่าการประชุม Fed ด่วนวันนี้ น่าจะมีสัญญาณนโยบายการเงินผ่อนคลายลง ล่าสุด FED Fund Futures ส่งภาพดอกเบี้ยปลายทางราว 5.25% ลดลงจาก 5.75% ในสัปดาห์ก่อน หนุน Dollar Index อ่อนค่า 104จุด+/- และ US Bond Yield 2-10ปี ลดลงสู่ 4.5%-3.73% จาก 5%-4% บวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงระยะกลาง และ SET  ยังอยู่ Valuation ดึงดูด PER23F อยู่ที่ 15.6 เท่า vs avg 17.3 เท่า กลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก เครื่องดื่ม สื่อสาร โรงไฟฟ้า เด่น วันนี้แนะนำ: ADVANC, GPSC, GULF

ด้านบล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่าสถานการณ์ของภาคธนาคารสหรัฐฯ อาจกระทบตลาดระยะสั้นแต่ไม่ลุกลาม หลังธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) และ Singnature Bank ล้ม ซึ่งเป็นการล้มของธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 และ 3 ในประวัติศาสตร์ สาเหตุสำคัญไม่ได้มาจากการปิดนัดชำระหนี้ แต่เป็นปัญหาการด้อยค่าของสินทรัพย์ธนาคาร (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรสหรัฐฯ ที่มูลค่าจะลดลงเวลาเจอช่วงวัฎจักรของการขึ้นดอกเบี้ย) ซึ่งเมื่อรวมกับปัญหาสภาพคล่อง (Liquidity) จากการแห่ถอนเงินของนักลงทุน จึงทำให้ธนาคารประสบปัญหาอย่างรวดเร็ว และก่อให้เกิดความกังวลในช่วงสุดสัปดาห์ถึงความเสี่ยงของการลุกลาม (Contagion) ไปยังธนาคารอื่นๆ

ล่าสุด สหรัฐฯ จัดตั้งกองทุนเข้าช่วยเหลือผู้ฝากเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ กระทรวงการคลัง และบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง (FDIC) ร่วมกันแถลงข่าวว่า 1) จะเข้าค้ำประกันเงินฝากเต็มจำนวน 2) เฟดจะดำเนินมาตรการฉุกฉินจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือสภาพคล่องให้กับธนาคารต่างๆ (Bank Term Funding Program) ขนาด 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นการให้ธนาคารกู้ยืมโดยสามารถนำพันธบัตรรัฐบาล หรือตราสารหนี้ที่มีหลักประกันจำนอง (MBS) มาค้ำประกันได้ที่ราคาหน้าหน้าตั๋ว มาตรการดังกล่าวจะช่วยระงับความตื่นตระหนกของผู้ฝากเงิน จากการแห่ไปถอนเงินยังธนาคารต่างๆ ซึ่งเสี่ยงจะทำให้เกิดสถานการณ์ธนาคารล้มลุกลามเป็นวงกว้าง มาตรการฉุกเฉินดังกล่าวจึงถือเป็นบวก

ตลาดรอประเมินผลกระทบผู้ที่เกี่ยวข้องกับ SVB และรอดูการส่งสัญญาณในการประชุมเฟด 22 มี.ค.นี้ เราคาดว่าผลกระทบต่อตลาดในระยะสั้นคือ 1) อาจผันผวน แต่ไม่ลึก เนื่องจากสถานการณ์มีแนวโน้มไม่ลุกลามเป็นวงกว้าง 2) นักลงทุนจะประเมินหาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณี SVB ทั้งผู้ที่มีผลกระทบทางตรง และจากมาตรการดอกเบี้ยที่จะตามมา 3) ตลาดลดน้ำหนักการขึ้นดอกเบี้ยเฟดในการประชุม 22 มี.ค.ที่ 0.50% เหลือล่าสุดเพียง 17.4% (จาก 10 มี.ค.ที่ 40.2%) ขณะที่คาดขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ที่ 82.6% 4) การกลับทิศของผลตอบแทนพันธบัตร (เนื่องจากเฟดอาจต้องรเมชะลอหรือหยุดขึ้นดอกเบี้ย) ในระยะสั้น จะเป็นปัจจัยลบกับกลุ่มธนาคาร และประกัน แต่จะบวกกับกลุ่มหุ้นปลอดภัยที่มีผลตอบแทนคล้ายพันธบัตร อาทิ สื่อสาร กองรีทส์ เป็นต้น

ภาพรวมกลยุทธ์: ยังลุ้นว่าแถว 1,590-1,610 จุด น่าจะเป็นจุดเริ่มฟื้นตัว แม้ภาพระยะกลางอาจต้องรอประเมินจากการกลับไปทดสอบ 1,645-1,650 จุด  แต่สามารถเลือกเก็งกำไรรายตัว การเก็งกำไรระยะสั้นเน้น selective buy กลุ่มที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในปี 2566 และยังมีการถือครองที่ต่ำ (Underowned) ได้แก่ และหุ้นที่มีปัจจัยบวกรายตัว โดยหุ้นที่เรามองสามารถทยอยสะสม ได้แก่ MAJOR, CPALL, MAKRO, BJC, PTTGC, IRPC, TIDLOR, AMANAH, MILL, TSTH, KSL, ROJNA, SAMART, SDC เป็นต้น


ข่าวแนะนำ