TNN online TNN Exclusive : APEC 2022 10 คำถามน่ารู้ “APEC” สำคัญต่อไทยอย่างไร?

TNN ONLINE

Wealth

TNN Exclusive : APEC 2022 10 คำถามน่ารู้ “APEC” สำคัญต่อไทยอย่างไร?

TNN Exclusive : APEC 2022 10 คำถามน่ารู้  “APEC” สำคัญต่อไทยอย่างไร?

การประชุม APEC คร้้งที่ 29 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำจะได้พบปะเยี่ยมเยือนกันภายหลังจากการแพร่ระบาด โดยจะมีการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปควันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2565 นี้ เวที “APEC” จะมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยและโลกอย่างไร เราจะขยายประเด็นนี้ผ่านการตั้งคำถามของทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงไทย หรือ Krungthai COMPASS ที่จัดทำ " 10 คำถามน่ารู้เกี่ยวกับ APEC" พร้อมคำตอบ ที่จะทำให้รู้จักและเข้าใจบทบาทของเวที APEC มากขึ้น

มาเริ่มกันที่คำถามแรก  APEC คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร


ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) เป็นการรวมกลุ่มแบบพหุภาคี 21 เขตเศรษฐกิจ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตมหาสมุทรแปซิฟิก ประกอบด้วย รัสเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีนไทเป(ไต้หวัน) เขตบริหารพิเศษฮ่องกง เวียดนาม ไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน ปาปัวนิวกินี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก เปรู และ ชิลี โดยไทยเป็นหนึ่งใน 12 เขตเศรษฐกิจผู้ร่วมก่อตั้ง และประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมเมื่อปี 2535 และปี 2546


APEC ถูกจัดตั้งเมื่อปี 2532 เพื่อเป็นเวทีความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นทางเศรษฐกิจ ให้สมาชิกที่มีแนวนโยบายที่แตกต่างกันหาแนวทางร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมาย โดยเน้นประเด็นด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความร่วมมือในเศรษฐกิจของทุกภาคส่วน พลังงาน สาธารณสุข E-commerce และสิ่งแวดล้อม เพื่อลดอุปสรรคและอำนวยความสะดวกทางการค้า (สินค้าและบริการ) การลงทุน และการเดินทางระหว่างประเทศ


2. APEC แตกต่างจากข้อตกลงพหุภาคีอื่น ๆ อย่างไร


APEC คือ การรวมกลุ่มเพื่อปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่ครอบคลุมหลายมิติในความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ต่างจากข้อตกลงในพหุภาคีอื่น ๆ ที่เน้นเจรจาเพื่อการค้า การดำเนินความร่วมมืออยู่บนพื้นฐานของฉันทามติ ความสมัครใจ และความยืดหยุ่น รวมถึงไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย สมาชิกสามารถดำเนินการเพื่อนำไปสู่การเปิดเสรีทางการค้า การลงทุนตามความพร้อมของแต่ละสมาชิก


การประชุม APEC ไม่ใช่ความร่วมมือเฉพาะของภาครัฐเท่านั้น แต่เป็นความร่วมมือจากภาคเอกชนด้วย ซึ่งก็คือ  สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจของ APEC  โดยทุกปีจะมีการรวมตัวกัน เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนมุมมองด้านธุรกิจและความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เพื่อสรุปคำแนะนำประจำปีต่อผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC


3. APEC สำคัญอย่างไรต่อเศรษฐกิจโลก


APEC ถือเป็นความร่วมมือพหุภาคีที่สำคัญของโลกทั้งในเชิงเศรษฐกิจ และจำนวนประชากร  โดยจากข้อมูลของ World Bank ในปี 2564 พบว่า มูลค่า GDP ของสมาชิก APEC เท่ากับ 59.4 ล้านล้านดอลลาร์ รวมกันคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 61% ของ GDP  ในจำนวนนี้ 3 ชาติสมาชิกหลักของ APEC ถือเป็นประเทศที่มีขนาดทางเศรษฐกิจใหญ่ 3 ลำดับแรกของโลก ได้แก่ สหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น 


ส่วนไทยมีขนาดทางเศรษฐกิจอยู่ในลำดับที่ 11 (GDP เท่ากับ 0.5 ล้านล้านดอลลาร์) รองจากไต้หวัน (0.7 ล้านล้านดอลลาร์) และเมื่อเทียบในกลุ่มอาเซียนถือเป็นลำดับที่ 2 รองจากอินโดนีเซีย (1.2 ล้านล้านดอลลาร์) 


ทางด้านประชากร APEC มีพลเมืองในปี 2564 รวมกันทั้งสิ้น 2.9 พันล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 37% ของทั้งโลก ซึ่งในจำนวนนี้มี 3 ชาติสมาชิกสำคัญที่จำนวนพลเมืองอยู่ใน  5 ลำดับแรกของโลก ได้แก่ จีน (อันดับ 1) สหรัฐฯ (อันดับ 3) และอินโดนีเซีย (อันดับ 4)  ส่วนไทยอยู่ในลำดับที่ 9 ของกลุ่ม APEC และถือเป็นลำดับที่ 4 ของกลุ่มอาเซียนที่เป็นสมาขิก APEC 


นอกจากจะเป็นการรวมกลุ่มที่มีขนาดใหญ่แล้ว APEC ยังเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูง โดยโครงสร้างทางประชากรกว่า 2 ใน 3 ยังอยู่ในวัยทำงาน ซึ่งสูงกว่าสัดส่วนของทั้งโลก (59%) บ่งชี้โอกาสในการลงทุน และการเข้าถึงตลาดที่มีแนวโน้มเติบโต นอกจากนี้ APEC ยังเป็นตลาดที่มีพลวัตสูง เนื่องจากหลายประเทศอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นเมือง 


4. ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับ APEC เป็นอย่างไร


เศรษฐกิจไทยพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศค่อนข้างสูง โดยในปี 2564 มูลค่าการค้าระหว่างประเทศ (ทั้งสินค้าและบริการ) มากถึง 116.7% ของ GDP  สะท้อนถึงความสำคัญของการเปิดประเทศเพื่อส่งเสริมภาคต่างประเทศให้เป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะด้านการส่งออกและการนำเข้าสินค้าที่มีมูลค่าสูงถึง 53.4% และ 45.4% ของ GDP 


ไทยพึ่งพาด้านการค้ากับกลุ่ม APEC ทั้งการส่งออกสินค้าที่มากถึง 72.1% ของการส่งออกสินค้าทั้งหมด ขณะที่การนำเข้าสินค้าจากกลุ่ม APEC คิดเป็น 71.9% ของการนำเข้าจากทั่วโลก ตลาดการส่งออกและนำเข้าสินค้าที่สำคัญ คือ สหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น 


นอกจากนี้ไทยยังมีการเชื่อมโยงทางด้านการลงทุนกับกลุ่มสมาชิก APEC อย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนโดยตรงจากประเทศสมาชิก APEC ที่ไหลเข้าต่อเนื่อง และการลงทุนของไทยในประเทศสมาชิก APEC เพิ่มขึ้นเช่นกัน


5. กลุ่ม APEC มีบทบาทอย่างไรต่อภาคอุตสาหกรรมของไทย


ในกลุ่ม APEC มีหลายชาติในภูมิภาคเอเชียที่พึ่งพาการผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะจีน ไทย และเกาหลีใต้ ที่อัตราส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรม (Share of Manufacturing to GDP) คิดเป็นสัดส่วนสูงประมาณเกือบ 30% ของ GDP  ซึ่งสูงกว่าอัตราส่วนของ APEC (15.4%) และของโลก (17.0%) บ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมเป็นกลไกขันเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยและหลายชาติในเอเชียซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “โรงงานของโลก” 


กรณีของไทยนั้น Krungthai COMPASS พบว่า สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย 4 อันดับแรกในปี 2564 เป็นผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง และพลาสติก  ซึ่งสินค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกส่งออกไปยัง APEC ทั้งผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ฯ ที่ผลิตป้อนตลาด APEC ถึง 77.3% ยานยนต์ฯ (57.5%) ผลิตภัณฑ์ยาง (72.5%) และพลาสติก (72.8%) แสดงถึงบทบาทของการค้าระหว่างกันในกลุ่มสมาชิก (Intra-trade) ที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างสูง 


6. นักท่องเที่ยวต่างชาติจาก APEC มีความสำคัญต่อไทยอย่างไร

นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของไทยเมื่อเปรียบเทียบกับสมาชิกอื่นในกลุ่ม APEC  ซึ่งไทยเป็นประเทศพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากที่สุดในกลุ่ม APEC ซึ่งคิดเป็น 11.8% ของ GDP ในปี 2562 (หรือคิดเป็นมูลค่า 1.9 ล้านล้านบาท)  ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวในกลุ่ม APEC คิดเป็น 66.2% ของรายได้ทั้งหมด


โดยสัญชาติที่สำคัญ คือ จีน คิดเป็นร้อยละ 1 ใน 4 ของรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด รองลงมาคือ มาเลเซีย (5.6%) รัสเซีย (5.4%) และญี่ปุ่น (4.9%)


ทั้งนี้ ก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจากกลุ่มประเทศ APEC สูงถึง 28.1 ล้านคน คิดเป็น 70.4% ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาไทยทั้งหมดในปี 2562


7. ความสามารถในการแข่งขันของไทยอยู่ระดับไหน หากเทียบกับสมาชิก APEC


หากพิจารณาถึงขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยในโลก จากการจัดอันดับของ International Institute for Management Development หรือ IMD ปี 2565 เผยว่าไทยมีความสามารถทางการแข่งขัน 63.7 คะแนน จาก 100 คะแนน และอยู่อันดับที่ 33 จาก 63 ประเทศทั่วโลก โดยไทยถูกจัดอันดับลดลง 5 อันดับ  


ปัจจัยที่ทำให้อันดับความสามารถทางการแข่งขันลดลงมากที่สุด คือ ด้านสภาวะเศรษฐกิจเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าหลายประเทศเนื่องจากไทยพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศและการท่องเที่ยวสูง จึงทำให้อันดับของไทยอยู่ในอันดับต่ำเมื่อเทียบกับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด   


นอกจากนี้หากเปรียบเทียบในกลุ่มเอเชีย-แปซิฟิก จะเห็นว่าความสามารถทางการแข่งขันของไทยในปี 2565 อยู่อันดับที่ 9 จาก 14 ประเทศ ซึ่งคงอันดับเดิมจากปีก่อน และอยู่สูงกว่า ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่เป็นสมาชิกใน APEC


 ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัวโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญจะสนับสนุนให้อันดับขีดความสามารถของไทยปรับดีขึ้นได้ในระยะข้างหน้า แม้ว่าไทยยังมีความเปราะบางในหลายด้านโดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ยังอยู่ในอันดับที่ต่ำ


8. APEC มีความสำคัญเพียงใดต่อภาคการเงินและการขับเคลื่อน Digital economy  


 Deloitte  คาดว่า เศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอยู่ในทิศทางที่เติบโตอย่างรวมเร็ว จากการค้าผ่านระบบ E-commerce และ Digital Banking ที่ช่วยกระตุ้นธุรกรรมข้ามพรมแดนระหว่างสมาชิก APEC สอดคล้องกับตัวเลขสัดส่วนการเข้าถึง Internet ต่อประชากร ซึ่งเป็นดัชนีหนึ่งที่บ่งชี้ถึงความพร้อมของระบบนิเวศน์ทางดิจิทัล 


โดยอัตราการเข้าถึง Internet ของสมาชิกกลุ่ม APEC ในปี 2564 เท่ากับ 81.1% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ 59.9% ขณะที่ตัวเลขของหลายชาติในเอเชียและไทยต่างมีสัดส่วนที่เหนือกว่าค่าเฉลี่ยของโลก นวัตกรรมล่าสุดจากการพัฒนาระบบข้อมูลเปิดที่เชื่อมโยงกัน  ซึ่งธนาคารกลางในกลุ่มอาเซียนรวมถึงไทยได้ร่วมกันผลักดันเพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินระหว่างประเทศผ่าน QR Payment ถือเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค 


Krungthai COMPASS คาดว่า ตลาด APEC ที่มีพัฒนาการก้าวหน้าไปไกลกว่าหลายส่วนของโลกดังกล่าวข้างต้น จะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการขยายช่องทางการค้าและการลงทุนจากตลาดที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องแห่งนี้


9. การเข้าร่วม APEC ของไทย ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างไร  


โดยตลอดช่วงกว่า 30 ปีที่ผ่านมา ไทยร่วมกับชาติสมาชิกได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดอัตราภาษีศุลกากรและข้อจำกัดทางการค้าระหว่างกัน ตลอดจนแสวงหาแนวทางอำนวยความสะดวกด้านการค้า การลงทุนและปรับปรุงกฎระเบียบให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน เช่น พิธีการศุลกากร มาตรฐานสินค้า ผลจากการดำเนินการดังกล่าว ช่วยให้สมาชิกกลุ่ม APEC มีความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกันมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยอีกด้วย 


Krungthai COMPASS พบว่า สัดส่วนการส่งออกของไทยไปยัง APEC เพิ่มจาก 63.8% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดในปี 2533 เป็น 72.1% ในปี 2564 โดยมูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญจาก 14.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2533 เป็น 192.1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นถึง 13.1 เท่าตัว ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาด APEC เติบโตโดยเฉลี่ย (CAGR) ถึงประมาณปีละ 9.6% 


10. ประเด็นสำคัญของการประชุม APEC ครั้งนี้คืออะไร และจะส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทยและโลก

   

สำหรับการประชุม APEC ครั้งที่ 29  สมาชิก APEC ต่างอยู่ในช่วงปรับเศรษฐกิจเพื่อรองรับความท้าทายใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น การประชุมครั้งนี้จึงถูกจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล ” 


ภายใต้ประเด็นหลักที่ไทยในฐานะเจ้าภาพครั้งนี้  มุ่งผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมคือ  การเปิดโอกาสด้านการการค้าเสรีและการลงทุนผ่านเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (Free Trade Area of Asia-Pacific: FTAAP) ซึ่งไทยจะนำเสนอแผนงานการขับเคลื่อน FTAAP โดยมีเป้าหมายให้สามารถจัดตั้งขึ้นได้ภายในปี 2583 โดยจะผลักดันให้ผู้นำ APEC ออกแถลงการณ์ร่วมเพื่อรับรองแผนงาน

 

ซึ่งหากไทยสามารถผลักดันประเด็นนี้ให้มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมได้ จะส่งผลให้เกิดเขตการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้สำเร็จ ความคืบหน้าดังกล่าวจะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองกับประเทศนอกกลุ่ม APEC ทั้งยังจะช่วยกดดันให้การเจรจาเปิดเสรีทางการค้าในกรอบของ WTO ที่ชะงักงันให้เดินหน้าต่อไป

จากการศึกษาของ World Bank  ประเมินว่า FTAAP จะช่วยให้การส่งออกและ GDP ของไทยเติบโตสะสมในช่วง 10 ปีภายหลังการจัดตั้งประมาณ 4.1% และ 0.8% ตามลำดับ นอกจากนี้ World Bank ยังพบว่า หากเปรียบเทียบผลได้จากการเปิดเสรีทางการค้าในกรอบ FTAAP เทียบกับกรอบอื่น ๆ แล้ว FTAAP จะช่วยให้ GDP ของโลกเพิ่มขึ้นได้มากกว่ากรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ( RCEP) ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 0.1% และ 0.6% ตามลำดับ 


ซึ่ง Krungthai COMPASS คาดว่า FTAAP จะเป็นกลไกสำคัญในการขจัดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ และหนุนการเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานในหมู่สมาชิก ประกอบกับความพยายามจัดตั้ง FTAAP ในกรอบพหุภาคึจะช่วยลดการเผชิญหน้าและช่วยผ่อนคลายข้อขัดแย้งของชาติมหาอำนาจได้ในอนาคต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อไทยในระยะยาว







ห้ามพลาด LIVE!!! บรรยากาศการประชุมเอเปค 2022 พร้อมบทวิเคราะห์ 

วันที่ 17-18 พฤศจิกายน นี้ เวลา 18.00-19.30 น. ที่นี่!!!


หรือช่องทางอื่น ๆ ของ TNN ได้แก่


• Line @TNNONLINE : https://lin.ee/4fP2tltIo

• FB: https://www.facebook.com/TNNWorld/

https://www.facebook.com/TNNthailand/

• Youtube : https://www.youtube.com/tnn16

• Tiktok TNN World: https://bit.ly/TNNWorldTikTok


หรือติดตามทุกประเด็นสำคัญจากการประชุมเอเปค 2022 ได้ที่

• Website: https://bit.ly/3g6XadH

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง