นาทีทองช้อนทองคำ หลังราคาร่วงแรง

นายวรุต รุ่งขํา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์  บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำสัปดาห์หน้ากับ TNNONLINE ว่า พักฐานสะสมกำลังเพื่อไปต่อ หลังจากที่ราคาดีดปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้เกือบ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ทำให้มีแรงเทขายทำกำไรทองคำในช่วงสั้น ซึ่งถือเป็นจังหวะเข้าซื้อหากราคาปรับตัวลงกรอบแนวรับแรกที่ 1,771 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์คิดเป็นราคาทองแท่งที่ 29,650 บาท และแนวรับถัดไปที่ 1,754 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์คิดเป็นราคาทองแท่ง 29,350 บาท

"ราคาทองคำยังย่ำฐาน แกว่งตัวออกข้าง ซึ่งหากปรับตัวลงก็คงไม่มากเพราะยังมีปัจจัยแวดล้อมอื่นที่ช่วยพยุงราคาทองคำ โดยเฉพาะปัจจัยเสี่ยงในต่างประเทศ" 

ส่วนแนวต้านที่ 1,795-1,818  ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์คิดเป็นราคาทองแท่งที่ 30,050-30,350 บาท ทั้งนี้ที่ผ่านมาแม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ค.ของสหรัฐฯ 

อยู่ที่ 8.5% ปรับตัวลงจากเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 9.1% ก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนเปลี่ยนการคาดการณ์ขึ้นดอกเบี้ย โดยในการประชุมเฟดวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ 

นักลงทุนสัดส่วน 55% มองว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% 

นอกจากนี้นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกระบุว่า จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 3.25-3.50% ในสิ้นปีนี้ บ่งชี้ว่าเฟด

จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 % ในช่วงการประชุมนโยบายการเงินที่เหลืออีก 3 ครั้งในปีนี้ และปีหน้ายังขึ้นต่อ 0.5% เพื่อดูแลเงินเฟ้อ  

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคือยอดค้าปลีก เป็นปัจจัยสะท้อนการใช้จ่าย การบริโภค เศรษฐกิจซึ่งหากตัวเลขออกมาดีก็เป็นปัจจัยหนุนเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

จะเป็นปัจจัยกดทองคำ

รวมถึงรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือ Fed minute ว่าประเมินเศรษฐกิจสหรัฐเป็นอย่างไรและมีการปรับมุมมองเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน

ตลอดจนตัวเลขเศรษฐกิจของจีน เช่น การผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนสินทรัพย์ถาวร และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด  ซึ่งหากเศรษฐกิจจีนชะลออาจทำให้รัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มและอาจนำเงินส่วนหนึ่งไหลเข้ามาลงทุนทองคำ

ส่วนเงินบาทที่แข็งค่าทำให้เม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวลง ซึ่งหากราคาทองคำดีดปรับตัวขึ้นใครมีทองคำควรทยอยแบ่งขายทำกำไรออกมาบางส่วน

ที่มา นายวรุต รุ่งขํา 

ภาพประกอบ  วายแอลจี