ดีลควบรวม "ทรู-ดีแทค" เกิดผู้เล่น 3 ราย มีความใกล้เคียงกัน คาดแข่งขันสูงขึ้น!
ความคืบหน้าการควบรวม "ทรู และ ดีแทค" ทำให้เกิดผู้เล่น 3 ราย ที่มีความใกล้เคียงกัน คาดการแข่งขันสูงขึ้น
ความคืบหน้าการควบรวม "ทรู และ ดีแทค" ล่าสุดถือได้ว่า เป็นการปรับตัวของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ให้เกิดเป็นผู้เล่น 3 ราย ที่มีความใกล้เคียงกันมากขึ้น รายหนึ่งมาจากรัฐ ที่ก่อนหน้านี้รวมตัวกัน คือ NT ที่มาจาก CAT และ TOT และ รายที่สองคือเอไอเอส ที่มีขนาดใหญ่ในเชิงมูลค่าบริษัท ใหญ่กว่าคู่แข่งกว่า 6 เท่า และ บริษัทที่สาม เป็นการควบรวมของทรูและดีแทค ซึ่งหลังการควบรวมจะเกิดเป็นบริษัท 3 ราย ที่มีขนาดใกล้เคียงกันมากขึ้น และ เกิดการแข่งขันมากขึ้น นอกจากนี้ผู้เล่นทั้งสามราย ต้องปรับตัวเพื่อไปแข่งกับผู้เล่นดิจิทัลที่เข้ามาดิสรัปต์ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย
ในมุมมองด้านเศรษฐกิจ และ ตลาดภาพใหญ่ หลังการควบรวมทรู ดีแทค จะเกิดตลาดที่มีการแข่งขันที่สูสีกัน และ มีความพร้อมในการสร้างนวัตกรรมมากขึ้น โดย นายสามารถ ราชพลสิทธิ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ความเห็นถึงการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) กับ บริษัท โทเทิล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ ดีแทค ว่า หากทรู และดีแทค มีการควบรวมกิจการกันแล้วในประเทศไทย จะมีผู้ประกอบการโทรคมนาคมหลักในตลาดถึง 3 ราย คือ รายแรกคือ NT หรือ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ รายที่สองคือ เอไอเอส ที่มีกำไรสะสม และขนาดใหญ่กว่าคู่แข่ง3 เท่า และรายที่สามคือ ทรูดีแทค ถึงจะมีขนาดที่พอจะสู้กันได้
ทั้งนี้ หลังการควบรวม เอไอเอส จะมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 47.2% ขณะที่ทรูดีแทค ร้อยละ 49.40% และ NT ร้อยละ2.83 % สะท้อนว่า เอไอเอส และ ทรูดีแทค จะมีส่วนแบ่งการตลาดใกล้เคียงสูสีกัน
ปัจจุบันผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคมกำลังปรับตัว สู่การเป็นผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อรองรับเทคโนโลยีทันสมัย อาทิ ระบบ AI เทเลเมดิซีน และสมาร์ทซิตี้ เป็นต้น ดังนั้นจำเป็นต้องมีการลงทุนเพิ่มเติม และใช้เงินจำนวนมาก
ปัจจุบันก่อนการควบรวม ประเทศไทยมีผู้ประกอบการ 4 รายหลักคือ เอไอเอส ทรู ดีแทค และบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT โดยส่วนแบ่งการตลาดที่คิดจากรายได้ ไม่ใช่จำนวนซิม ปรากฎว่า เอไอเอส มีร้อยละ 41 ทรูร้อยละ 26.9 ดีแทคร้อยละ 18.4 และ NT มีส่วนแบ่งร้อยละ 3.3 โดยบริษัทเอไอเอสมีกำไรมากที่สุด จากกำไรชี้ให้เห็นว่าเอไอเอสเป็นผู้นำตลาดโทรคมนาคมอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เห็นศักยภาพในการแข่งขันที่เหนือรายอื่นทุกรายอย่างมีนัยสำคัญ
การควบรวมทรูกับดีแทค จะทำให้มีผู้ประกอบการมีความสามารถใกล้เคียงกัน ส่งผลให้มีการแข่งขันเท่าเทียมกัน และคาดว่าจะมีการแข่งขันมากขึ้น แต่ทั้งนี้ กสทช.ต้องเร่งออกกฎระเบียบ เพื่อให้ผู้ประกอบการทุกราย มีการแข่งขันที่เป็นธรรม ภายใต้กฎระเบียบเดียวกัน และเสียภาษีเดียวกัน ดังนั้นส่วนตัวสนับสนุนการแข่งขันที่เป็นธรรมส่งผลประโยชน์ที่เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค
ทั้งนี้ กสทช. สามารถควบคุมเพดานราคาได้อยู่แล้วตามกฎหมายของผู้เล่นทุกรายในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ในขณะที่การแข่งขันจะเกิดนวัตกรรมมากขึ้น ก็ต้องติดตามว่า กสทช. จะดำเนินการตามกรอบเวลาหรือไม่ หลังจากที่เกินกำหนดที่กสทช.ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จมาระยะหนึ่งแล้ว