TNN online ธปท.ย้ำมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินยังเพียงพอรองรับสถานการณ์โควิด โอมิครอน หากยืดเยื้อ

TNN ONLINE

Wealth

ธปท.ย้ำมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินยังเพียงพอรองรับสถานการณ์โควิด โอมิครอน หากยืดเยื้อ

ธปท.ย้ำมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินยังเพียงพอรองรับสถานการณ์โควิด โอมิครอน หากยืดเยื้อ

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คาดเศรษฐกิจไทย กลับมาฟื้นได้ในช่วงไตรมาส 1/66 ขณะที่มั่นใจเงินเฟ้อปีนี้ไม่หลุดกรอบ ยังอยู่ ที่ 1.7 % ย้ำมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินขณะนี้ ยังเพียงพอรองรับกับสถานการณ์โควิด "โอมิครอน" หากยืดเยื้อ

วันนี้( 11 ม.ค.65) นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ยังเป็นการฟื้นตัวแบบเปราะบาง ไม่รวดเร็ว และฟื้นตัวไม่เท่าเทียมกับในแต่ละ sector หรือเป็นการฟื้นตัวในลักษณะของ K-shape โดยเศรษฐกิจไทยถือว่ายังฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่น ซึ่งคาดว่ากว่าที่เศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวเทียบเท่ากับในระดับก่อนเกิดโควิด-19 น่าจะเป็นช่วงไตรมาส 1/66


ทั้งนี้ การที่เศรษฐกิจไทยจะกลับมาเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิดนั้น ในปีนี้คงไม่เห็นแน่ คาดว่าน่าจะเป็นช่วงไตรมาส1 ของปี 2566  โดยสาเหตุที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด นอกจากนี้ ในความเห็นของประชาชนทั่วไป มองว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น เพราะรายได้จากการจ้างงานยังไม่กลับมา

          

ส่วนสถานการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น ธปท.มองว่าไม่น่าเป็นห่วง และยังเชื่อว่าทั้งปี 2565 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย (1-3%) อย่างไรก็ดี หากเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นมากจนหลุดกรอบ ก็มีมาตรการที่พร้อมจะนำออกมาใช้ดูแล

          

อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตา 4 ปัจจัยที่อาจเป็นตัวทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้สะดุดได้ นั่นคือ 1. การระบาดโควิดสายพันธุ์ใหม่  2. อัตราเงินเฟ้อ 3.การเพิ่มขึ้นของ NPL และ 4.ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก


สำหรับมาตรการทางการเงินที่ ธปท.  ออกมา ไม่ว่าจะเป็น ซอฟท์โลน   มาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจ (สินเชื่อฟื้นฟู)  มาตรการพักทรัพย์ -พักหนี้  ยังเพียงพอที่จะรองรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น  หากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนยืดเยื้อ 


ที่มา : ธปท. 

ภาพประกอบ :AFP 


ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง