TNN ย้อนข่าวราชวงศ์อังกฤษ เมื่อความอยากรู้ที่เกินพอดี อาจต้องแลกมาด้วยชีวิตผู้บริสุทธิ์

TNN

TNN Exclusive

ย้อนข่าวราชวงศ์อังกฤษ เมื่อความอยากรู้ที่เกินพอดี อาจต้องแลกมาด้วยชีวิตผู้บริสุทธิ์

ย้อนข่าวราชวงศ์อังกฤษ เมื่อความอยากรู้ที่เกินพอดี อาจต้องแลกมาด้วยชีวิตผู้บริสุทธิ์

เรื่องราวของ “ราชวงศ์อังกฤษ” มักเป็นเรื่องที่ใครหลายคนต่างสนใจ อยากเฝ้าติดตาม อยากรับรู้ข่าวสารของพวกเขาตลอดเวลา ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร ที่ไหน และอย่างไร เนื่องจากราชวงศ์อังกฤษ เป็นราชวงศ์ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน และเป็นเพียงไม่กี่ราชวงศ์จากประเทศมหาอำนาจที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน

แน่นอนว่า เมื่อคุณเป็นคนดัง หรือ อยู่ในตระกูลที่ทรงอิทธิพล “สื่อ” ก็ต้องให้ความสนใจคุณเป็นธรรมดา จนหลายครั้ง วิธีการให้ได้มาของข่าวนั้น ละเมิดความเป็นส่วนตัว และผิดหลักการทำสื่ออย่างร้ายแรง บางครั้งนำไปสู่ความสูญเสียถึงชีวิตของใครบางคน 


เราขอย้อนรอยเหตุการณ์สำคัญที่ราชวงศ์อังกฤษต้องรับมือกับความกระหายข่าวของสื่อที่เกินพอดี จนทำให้ไปสู่จุดจบของใครบางคน 


---เจ้าหญิงไดอานากับการไล่ล่าของปาปารัซซี---


แม้เจ้าหญิงไดอานาจะตกเป็นเป้าของสายตาสื่อมาโดยตลอด นับตั้งแต่เธอปรากฎตัวในฐานะคู่หมั้นของกษัตริย์ชาลส์ที่ 3 ซึ่งขณะนั้น พระองค์ยังทรงดำรงตำแหน่งเป็น ‘เจ้าชายแห่งเวลส์’ ถึงเจ้าหญิงไดอานาจะทรงหย่าร้างกับกษัตริย์ชาลส์แล้ว แต่สื่อก็ยังให้ความสนใจพระองค์อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ จนภายหลังเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และนำไปสู่โศกนาฏกรรมดังกล่าว 


ย้อนกลับไปในค่ำคืนวันที่ 31 สิงหาคม 1997 ทั่วโลกต้องตกตะลึงเมื่อทราบว่า เจ้าหญิงไดอานา พร้อมด้วย ‘โดดี ฟาเยด’ เพื่อนชายคนสนิท และคนขับรถของฟาเยด ประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียชีวิต ที่อุโมงค์ลอดสะพานปองต์เดอลัลมา กรุงปารีส ฝรั่งเศส หลังพวกเขาพยายามขับรถหนีปาปารัซซีที่คอยขับรถไล่บี้ตามถ่ายชีวิตของพวกเขา เพื่อให้ได้มาซี่งภาพถ่ายของทั้งคู่ 

 

หลังวันเกิดเหตุ ประชาชนบางส่วนโทษว่า ปาปารัซซีเป็นต้นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ โดยให้เหตุผลว่า คนกลุ่มนี้ไล่ล่าตามติดรถของเจ้าหญิงไดอานาจนทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ขณะเดียวกัน ในพิธีฝังศพ ‘ชาร์ล สเปนเซอร์’ หรือ ‘เอิร์ล สเปนเซอร์ที่ 9’ น้องชายของเจ้าหญิงไดอานา ได้เรียกร้องให้กลุ่มปาปารัซซีออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 


โศกนาฏกรรมดังกล่าว ได้เปลี่ยนทัศนคติของประชาชนที่มีต่อปาปารัซซี และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกฎหมายบางอย่างเกี่ยวกับพฤติกรรมการทำงานของสื่อ และกำหนดว่าสิ่งใดที่อนุญาตให้สื่อทำได้ เช่น การไม่ให้สื่อตามติดชีวิตของแหล่งข่าวอย่างต่อเนื่อง หรือการผ่านกฎหมายต่อต้านปาปารัซซี (Anti-Paparazzi Law) ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี 1998 ซึ่งมีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้สื่อบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของผู้อื่น เพื่อถ่ายภาพ หรือ บันทึกวิดีโออากัปกิริยาต่าง ๆ ของคนดัง 


“มันทำให้อุตสาหกรรมที่สนับสนุนกลุ่มปาปารัซซีพิจารณาให้รอบคอบมากขึ้นจริง ๆ ว่า อะไรที่ทำได้และอะไรที่ทำไม่ได้ สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากเพราะว่า พวกเขามีการตัดสินใจทางด้านจริยธรรม แต่เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้” ชาร์ล สเปนเซอร์ กล่าวให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเสียชีวิตของเจ้าหญิงไดอานา กับสำนักข่าว BBC เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา 


ทั้งนี้ ในปี 1991 จากการสืบสวนของฝรั่งเศส พบว่า คนขับรถสูญเสียการควบคุมยานพาหนะ ขณะมึนเมาจากแอลกอฮอล์และอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ และสรุปว่าเขาต้องรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุครั้งนี้แต่เพียงผู้เดียว แต่อย่างไรก็ตาม ปี 2008 คณะลูกขุนในศาลอังกฤษ ตัดสินว่า เจ้าหญิงไดอานาเสียชีวิตจากการขับรถประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของคนขับรถ และปาปารัซซี 


---นางพยาบาลฆ่าตัวตาย หลังดีเจโทรแกล้งเป็นควีนเอลิซาเบธที่ 2--- 


จาซินธา ซัลดานา วัย 46 ปี พยาบาลกะดึกของโรงพยาบาล King Edward VII ถูกพบร่างไร้วิญญาณ ที่หอพักพยาบาล เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2012 เธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย หลังจาก 2 ดีเจของสถานีวิทยุ Sydney's 2Day จากออสเตรเลีย โทรแกล้งปลอมตัวเป็นควีนเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายชาลส์ เพื่อถามไถ่อาการของ ‘เคท มิดเดิลตัน’ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ซึ่งตอนนั้นพระองค์กำลังตั้งครรภ์โอรสองค์แรก และพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลดังกล่าว 


ซัลดานาเชื่อว่า ปลายสายของเธอคือองค์ราชินี และเจ้าชายจริง ๆ จึงได้ทำการโอนสายไปยังพยาบาลที่ดูแลเจ้าหญิงเคท โดยบทสนทนาระหว่างเธอ และดีเจทั้ง 2 คน ถูกถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีวิทยุ 


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซัลดานารู้สึกผิด และโทษว่า เป็นความผิดของเธอเองที่หละหลวมในการป้องกันความปลอดภัยของข้อมูล ด้วยการโอนสายไปยังพยาบาลที่ใกล้ชิดเจ้าหญิงเคท เธอส่งอีเมลขอโทษเพื่อนร่วมงานทุกคน พร้อมที่จะรับโทษต่าง ๆ และขอไม่ให้พยาบาลคนอื่นต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ แม้ว่าเพื่อนพยาบาลจะพยายามให้กำลังใจเธอ แต่ท้ายสุดแล้ว เธอตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง 3 วันหลังเกิดเหตุ


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สปอนเซอร์หลายแห่งของสถานีวิทยุ Sydney's 2Day แห่ถอนโฆษณาออกในทันที ต่อมาภายหลังดีเจทั้ง 2 คนได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า พวกเขายังคงรู้สึกสะเทือนใจกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้ พร้อมกับแถลงการณ์ขอโทษต่อครอบครัวของซัลดานา 


อย่างไรก็ตาม ไม่มีการตั้งข้อหาดำเนินคดีกับดีเจทั้ง 2 คน เนื่องจากมีหลักฐานไม่เพียงพอในการตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา 


---พยายามล้วงข้อมูลสุขภาพส่วนตัวของ ‘เคท’--- 


ล่าสุดความพยายามเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ของสมาชิกราชวงศ์โดยไม่ได้รับการยินยอมเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อคณะผู้บริหารของ London Clinic โรงพยาบาลที่เจ้าหญิงแห่งเวลส์ทำการรักษาตัวอยู่ ออกมาเปิดเผยว่า มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 1 คน พยายามเข้าถึงเวชระเบียนของเคท หลังพระองค์เข้ารับการผ่าตัดช่องท้องเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา 


“ไม่มีพื้นที่ใดในโรงพยาบาลของเรา ที่มีไว้ให้สำหรับผู้ที่จงใจละเมิดความความไว้วางใจของคนไข้ หรือ เพื่อนร่วมงานของเรา” อัล รัสเซลล์ ผู้บริหารสูงสุดของโรงพยาบาล ระบุในแถลงการณ์ 


ด้านโฆษกสำนักงานคณะกรรมาธิการด้านข้อมูลข่าวสารของอังกฤษ หรือ ICO แถลงยืนยันว่า ได้รับรายงานเรื่องมีการละเมิด และกำลังประเมินข้อมูลที่ได้รับ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า ความพยายามละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลนั้นสำเร็จหรือไม่ แต่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสหราชอาณาจักร เผยว่า เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอาจต้องเผชิญการถูกดำเนินคดี หากพบว่าเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์ของเจ้าหญิงแห่งเวลส์โดยไม่ได้รับอนุญาต


การสอบสวนดังกล่าวมีขึ้น ในช่วงที่เกิดข่าวลือต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับเจ้าหญิงแห่งเวลส์ที่หายหน้าไปจากสาธารณชนเป็นเวลาหลายเดือน มีทั้งข่าวลือเรื่องการหย่าร้าง ตลอดจนพระพลานามัยของพระองค์เอง ที่ประชาชนต่างเฝ้ารอคำตอบจากทางพระราชวังว่า พระพลานามัยของพระองค์เป็นอย่างไร และเมื่อทรงขอโทษเรื่องตัดต่อภาพถ่ายในวันแม่เมื่อต้นเดือนนี้ ยิ่งทำให้ข่าวลือโหมกระพือ


ท้ายที่สุด เมื่อความสงสัยของประชาชนเริ่มก่อตัวมากขึ้น จนไม่สามารถยับยั้งได้ เจ้าหญิงแห่งเวลส์จึงได้ออกแถลงการณ์เป็นครั้งแรกว่า พระองค์ทรงประชวรด้วยโรคมะเร็ง หลังพบเชื้อหลังการผ่าตัดเมื่อเดือนมกราคม และตอนนี้กำลังเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัดอยู่ พร้อมกับเรียกร้องขอพื้นที่และความเป็นส่วนตัวให้แก่พระองค์ 

—————

แปล-เรียบเรียง: พรวษา ภักตร์ดวงจันทร์

ภาพ: Reuters, BBC Studios handout via Reuters


ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.vogue.co.uk/article/princess-diana-paris

https://www.nationalworld.com/news/princess-diana-untimely-death-princess-of-wales-changes-uk-us-press-conduct-media-4412918

https://www.bbc.com/news/av/uk-68581288

https://www.theguardian.com/world/2014/sep/11/jacintha-saldanha-took-blame-prank-call-duchess-cambridge-australian-djs-inquest

https://www.reuters.com/article/idUSKBN0H61HO/

https://www.smh.com.au/entertainment/tv-and-radio/2day-fm-suspends-all-advertising-amid-royal-prank-backlash-20121208-2b1zy.html

https://www.cbc.ca/news/world/no-charges-for-australian-djs-in-royal-prank-call-1.1411937

https://www.theguardian.com/uk-news/2024/mar/19/inquiry-reportedly-begins-after-claims-clinic-staff-tried-to-access-princess-of-waless-records

https://www.independent.co.uk/news/uk/home-news/the-london-clinic-kate-middleton-security-breach-b2516116.html

https://www.reuters.com/world/uk/kates-cancer-news-should-end-speculation-about-her-commentators-say-2024-03-22/

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง