TNN online ราชกิจจาฯ ประกาศกฎกระทรวงฯ "รถยนต์ส่วนบุคคล" จดทะเบียนให้บริการรับจ้างผ่านแอปฯ

TNN ONLINE

สังคม

ราชกิจจาฯ ประกาศกฎกระทรวงฯ "รถยนต์ส่วนบุคคล" จดทะเบียนให้บริการรับจ้างผ่านแอปฯ

ราชกิจจาฯ ประกาศกฎกระทรวงฯ รถยนต์ส่วนบุคคล จดทะเบียนให้บริการรับจ้างผ่านแอปฯ

“ศักดิ์สยาม” เผย ราชกิจจาฯ ประกาศกฎกระทรวงฯรถส่วนบุคคลจดทะเบียนวิ่งรับจ้างผ่านแอปฯ ขบ.เร่งออกประกาศหลักเกณฑ์ใน 30 วัน เผยค่าโดยสารเริ่มต้น 2 กม.แรก ไม่เกิน 50 บาท ต่อไปกม.ละไม่เกิน 12 บาท ค่าเรียกผ่านแอป 50 บาท รถขนาดใหญ่เริ่มต้น 200 บาทค่าเรียก 100 บาท

วันนี้ (24 มิ.ย.64) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศเผยแพร่กฎกระทรวง รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2564 ซึ่งได้กำหนดให้รถยนต์ หรือการนำรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมาจดทะเบียนเปลี่ยนประเภท เป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) จะต้องออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข การรับรองผู้ให้บริการ และแอปพลิเคชัน ที่จะนำมาให้บริการตามฐานอำนาจที่กำหนดในร่างกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว โดยจะรับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้องและออกประกาศ โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน (30 วัน)

ทั้งนี้ เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงดังกล่าว เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนนำทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดตามแนวทางเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) โดยการให้ประชาชนสามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งสอดคล้องกับบริบทของสังคมและวิถีการใช้ชีวิตของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ประกอบกับเกิดความเรียบร้อยและความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร รวมถึงยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และเพิ่มทางเลือกในการใช้บริการรถยนต์รับจ้างอีกด้วย

สำหรับสาระสำคัญของกฎกระทรวงฯ นั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ได้แบ่งการจดทะเบียนรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.ขนาดเล็กมีกำลังในการขับเคลื่อนตั้งแต่ 50-90 กิโลวัตต์ 2.ขนาดกลางมีกำลังในการขับเคลื่อนมากกว่า 90 กิโลวัตต์ แต่ไม่เกิน 120 กิโลวัตต์ และ 3.ขนาดใหญ่ มีกำลังในการขับเคลื่อนมากกว่า 130 กิโลวัตต์ขึ้นไป ทั้งนี้ กรณีเป็นรถที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนต้องมีความเร็วสูงสุดได้ไม่น้อยกว่า 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทั้งนี้ ในการรับจดทะเบียนเป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น ให้จดทะเบียนได้เพียงคนละ 1 คัน ขณะที่ รถที่จะรับจดทะเบียนเป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ต้องเป็นรถที่มีประตูไม่น้อยกว่า 4 ประตู และต้องมีลักษณะเป็นรถเก๋ง 2 ตอน, รถเก๋ง 2 ตอนแวน, รถเก๋ง 3 ตอน, รถเก๋ง 3 ตอนแวน, รถยนต์นั่ง 2 ตอน, รถยนต์นั่ง 2 ตอนแวน, รถยนต์นั่ง 3 ตอน, รถยนต์นั่ง 3 ตอนแวน หรือรถยนต์ลักษณะอื่นตามที่อธิบดี ขบ. ประกาศกำหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ต้องมีและใช้อุปกรณ์เครื่องสื่อสาร เพื่อการรับงานจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ ขบ.ให้การรับรอง ซึ่งอย่างน้อยต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถและผู้ขับรถ ระบบการแสดงตัวตนของผู้ขับรถ ระบบการคิดอัตราค่าโดยสารล่วงหน้า ระบบติดตามตัวรถ ระบบตรวจสอบเวลาและสถานที่รับส่ง และระบบแจ้งการร้องเรียนหรือขอความช่วยเหลือ ทั้งนี้ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ต้องดำเนินการโดยผู้ให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ ขบ.ให้การรับรอง รวมทั้งต้องมีการจัดเก็บข้อมูล ที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างน้อย 1 เดือน

นอกจากนี้ รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้ใช้สีของตัวถังรถตามสีเดิมที่ปรากฏในใบคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ก่อนการจดทะเบียนเปลี่ยนประเภทเป็นรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และให้มีอายุการใช้งานได้ไม่เกิน 9 ปีนับแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก ในกรณีที่รถยนต์ครบอายุการใช้งาน 9 ปีแล้ว ให้เจ้าของรถนำใบคู่มือจดทะเบียนรถไปแสดงต่อนายทะเบียน เพื่อบันทึกหลักฐาน การระงับทะเบียนหรือเปลี่ยนประเภทรถ ทั้งนี้ ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ครบอายุการใช้งาน

ทั้งนี้ แผ่นป้ายทะเบียนรถของรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้มีขนาด ลักษณะ และสีเช่นเดียวกับแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน โดยอาจให้ใช้แผ่นป้ายทะเบียน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคนเดิมก็ได้ นอกจากนี้ ต้องมีการตรวจสภาพรถตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 15 ทวิ รวมทั้งต้องรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยทั้งภายนอกและภายในตัวรถ

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ส่วนอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริการอื่น สำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้กำหนดไว้ว่า รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก และขนาดกลางให้กำหนดโดยถือเกณฑ์ระยะทาง 2 กิโลเมตร (กม.) แรก ไม่เกิน 50 บาท และ กม.ต่อๆ ไป กม.ละไม่เกิน 12 บาท ในกรณีที่ระบบการคิดอัตราค่าโดยสารล่วงหน้าประเมินสภาพการจราจรว่า ไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้ตามปกติวิสัย ในอัตรานาทีละไม่เกิน 3 บาท ในส่วนกรณีการจ้างผ่านศูนย์บริการสื่อสารหรือระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ กำหนดได้ไม่เกิน 50 บาทและค่าบริการเพิ่มกรณีอื่น กำหนดได้ไม่เกิน 200 บาท

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ รถขนาดใหญ่ กำหนดค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร โดยถือเกณฑ์ระยะทาง 2 กม.แรก ไม่เกิน 200 บาท และ กม.ต่อๆ ไป กม.ละไม่เกิน 30 บาท ในกรณีที่ระบบการคิดอัตราค่าโดยสารล่วงหน้า ประเมินสภาพการจราจรว่าไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้ตามปกติวิสัย ในอัตรานาทีละไม่เกิน 10 บาทส่วนกรณีการจ้างผ่านศูนย์บริการสื่อสารหรือระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์กำหนดได้ ไม่เกิน 100 บาท และค่าบริการเพิ่มกรณีอื่น กำหนดได้ไม่เกิน 200 บาทอย่างไรก็ตาม การเรียกเก็บค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารนั้น ให้เรียกเก็บตามจำนวนเงินซึ่งคำนวณโดยระบบการคิดอัตราค่าโดยสารล่วงหน้าที่ปรากฏในอุปกรณ์เครื่องสื่อสาร เพื่อการรับงานจ้าง โดยต้องแจ้งให้คนโดยสารทราบก่อนทำการขนส่งผู้โดยสารคนนั้น

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง