กรมป่าไม้ลุยชี้แนวเขตที่ดิน”ปารีณา”12 ก.พ.-ยันหากอยู่ในอำนาจฟันทันที
กรมป่าไม้ และ ส.ป.ก.ลงตรวจชี้แนวเขต ปมปัญหาที่ดิน”เอ๋”ปารีณา ไกรคุปต์ 12 ก.พ.ยันหลังกฤษฎีกา ตีความ หากอยู่ในอำนาจของกรมป่าไม้ ก็พร้อมดำเนินคดีทันที
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีการถือครองที่ดินของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ หลังจากเวลาผ่านไปร่วม 1 เดือน ว่าที่ผ่านมาได้มีการประสานงานกันภายใน ซึ่งคาดว่าเร็วๆนี้ กฤษฎีกา คงจะมีการตีความการครอบครองที่ดินของ น.ส.ปารีณา ออกมาว่า จะอยู่ในอำนาจของสำนักสำนักงานการปฏิรูปที่ดินและเกษตรกรรมหรือ ส.ป.ก. และกรมป่าไม้
สำหรับในส่วนกรมป่าไม้ ได้สั่งการให้
มีการเตรียมพร้อมในการรวบรวมพยานหลักฐาน และในวันที่ 12 กุมภาพันธุ์ นี้
เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และ ส.ป.ก.ก็จะลงพื้นที่ตามที่พนักงานสอบสวนแจ้งมาเพื่อทำการตรวจชี้แนวเขต
ในการประกอบสำนวนคดี ในส่วนที่ดินของ น.ส.ปารีณา ตามที่นายวีระ สมความคิด
และกรมป่าไม้ได้แจ้งความร้องทุกข์ ไว้กับพนักงานสอบสวน
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมป่าไม้ ยืนยันว่า
เรื่องนี้ไม่ถือว่าล่าช้า และกรมป่าไม้ ก็จะดำเนินคดีทันที หากกฤษฎีกาตีความว่า
อยู่ในอำนาจของกรมป่าไม้
สำหรับที่ดินเจ้าปัญหาของ
น.ส.ปารีณา หลังจากตรวจสอบที่ดินเขาสนฟาร์มในพื้นที่
ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี พบว่ามีการรุกล้ำที่ป่าสวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี
30 ไร่ และอยู่ในแนวเขตตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 อีก 16 ไร่ รวมบุกรุกป่า 46 ไร่
โดยก่อนหน้านี้ อธิบดีกรมป่าไม้ ได้มอบหมายให้คณะทำงาน
นำเรื่องเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(บก.ปทส) เพื่อดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายต่อไปในความผิดรวม 4 พ.ร.บ. ประกอบด้วย
1.ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า
ทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า
เข้ายึดถือและครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตตามความผิดตาม
พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ต้องระวางโทษตามมาตรา 72
2.ยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน
ก่อสร้าง แผ้วถางทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต
ตามความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ต้องระวางโทษตามมาตรา 31
3.เข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง
เผาป่า ทำด้วยประการใด
ให้เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินในที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครอง
หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9
4.การกระทำผิดหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ
ตามความผิดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 97
โดยมีความผิดใน 4 พ.ร.บ. คือ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ประมวลกฎหมายที่ดิน และ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 โดยจะมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี ปรับ 2 ล้านบาท
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand