TNN หยุดหายใจ-ออกซิเจนต่ำขณะหลับ ส่งผล "โรคลมชักในผู้สูงวัย"

TNN

Health

หยุดหายใจ-ออกซิเจนต่ำขณะหลับ ส่งผล "โรคลมชักในผู้สูงวัย"

หยุดหายใจ-ออกซิเจนต่ำขณะหลับ ส่งผล โรคลมชักในผู้สูงวัย

ภาวะหยุดหายใจ-ออกซิเจนต่ำขณะหลับ ส่งผล "โรคลมชักในผู้สูงวัย"

การศึกษาที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ ซึ่งเผยแพร่ในวารสารสลีพ (Sleep) พบว่าภาวะหยุดหายใจตอนหลับและการมีระดับออกซิเจนต่ำขณะนอนหลับ อาจสัมพันธ์กับโรคลมชักที่เริ่มเป็นหลังอายุ 60 ปี (late-onset epilepsy)

สถาบันฯ เปิดเผยว่าความเชื่อมโยงดังกล่าวไม่เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ สำหรับโรคลมชักที่เริ่มเป็นหลังอายุ 60 ปี และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อาทิ โรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดสมอง


การศึกษาระบุว่าการค้นพบนี้อาจช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างความผิดปกติของการนอนหลับและโรคลมชักในผู้สูงวัยได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยในการระบุเป้าหมายที่เป็นไปได้สำหรับการรักษา


นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ใช้ข้อมูลผู้ป่วยโรคลมชักดังกล่าวจากระบบประกันสุขภาพของสหรัฐฯ และวิเคราะห์ข้อมูลการนอนหลับจากผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,300 คน พบว่าคนที่ค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดลดลงต่ำกว่าร้อยละ 80 ตอนนอนหลับ ซึ่งเรียกว่าภาวะขาดออกซิเจนในเวลากลางคืน มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคลมชักในผู้สูงวัยมากกว่าผู้ที่ไม่มีระดับออกซิเจนต่ำในลักษณะเดียวกันถึงสามเท่า


นอกจากนั้น ผู้เข้าร่วมการศึกษาที่รายงานว่าตนเองมีอาการหยุดหายใจขณะหลับในช่วงอายุบั้นปลาย มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคลมชักในผู้สูงวัยมากเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มีความผิดปกติของการนอนหลับ


รีเบกกา กอตเทสแมน หัวหน้าสาขาโรคหลอดเลือดสมองของสถาบันโรคทางระบบประสาทและโรคหลอดเลือดสมอง ระบุว่ามีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นที่ระบุว่าโรคลมชักในผู้สูงวัยอาจเป็นตัวบ่งชี้ของโรคหลอดเลือด หรือโรคเกี่ยวกับความเสื่อมของระบบประสาท พร้อมเสริมว่าผู้สูงอายุมีอุบัติการณ์ป่วยด้วยโรคลมชักเพิ่มมากสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอายุอื่นๆ


ที่มา: Xinhua Thai



ติดตาม TNN Health ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่

Website : https://www.tnnthailand.com/news/health/

Facebook : https://bit.ly/TNNHealthFacebook

Youtube : https://bit.ly/TNNHealthYoutube

TikTok : https://bit.ly/TNNHealthTikTok

Instagram : https://www.instagram.com/tnn_health/

Line @TNNHEALTH : https://lin.ee/MNckVHq

หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/TNNHealthFacebook

ข่าวแนะนำ