ไขข้อสงสัย น้ำหนักเท่าไร? จึงจะ "บริจาคโลหิต" ได้
![ไขข้อสงสัย น้ำหนักเท่าไร? จึงจะ บริจาคโลหิต ได้ ไขข้อสงสัย น้ำหนักเท่าไร? จึงจะ บริจาคโลหิต ได้](/static/web/148617/018549ff-eab7-4152-aac6-00845016d0d3-600.webp)
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย น้ำหนักเท่าไร จึงจะบริจาคโลหิตได้? .
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ไขข้อสงสัยน้ำหนักเท่าไร จึงจะบริจาคโลหิตได้
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เผยว่า โดยผู้ที่จะบริจาคโลหิต จะต้องมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป จึงจะสามารถบริจาคโลหิตได้ A B O AB ทั้งนี้ในการบริจาคโลหิต ปริมาณโลหิตที่บริจาคจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว
-ผู้บริจาคที่น้ำหนัก 45 - 50 กิโลกรัม ปริมาณโลหิตที่บริจาค = 350 ซีซี
-ผู้บริจาคที่น้ำหนัก 50 กิโลกรัม ขึ้นไป ปริมาณโลหิตที่บริจาค = 450 ซีซี
บริจาคโลหิตได้ที่ :
-ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
-ศูนย์รับบริจาคโลหิตและพลาสมา สถานีกาชาด 11 วิเศษนิยม บางแค
-ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ
-สาขาบริการโลหิต
-โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ
![ไขข้อสงสัย น้ำหนักเท่าไร? จึงจะ บริจาคโลหิต ได้](/static/details/22ZzvmbNzQ-600.jpeg)
ก่อนบริจาคโลหิต
-นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ในเวลานอนปกติของตนเอง ในคืนก่อนวันที่จะมาบริจาคโลหิต
-สุขภาพสมบูรณ์ทุกประการ ไม่เป็นไข้หวัด หรืออยู่ระหว่างรับประทานยาปฏิชีวนะใดๆ เช่น ยาแก้อักเสบ ต้องหยุดยาแล้วอย่างน้อย 7 วัน
-รับประทานอาหารประจำมื้อก่อนมาบริจาคโลหิต ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทที่มีไขมันสูง ภายใน 6 ชั่วโมง ได้แก่ ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู เพราะจะทำให้พลาสมามีสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยได้
-การดื่มน้ำก่อนบริจาคโลหิต 30 นาที ประมาณ 3-4 แก้ว ซึ่งเท่ากับปริมาณโลหิตที่เสียไปในการบริจาค จะทำให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น และช่วยลดภาวะการเป็นลมจากการบริจาคโลหิตได้
-งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ก่อนมาบริจาคโลหิตอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
-งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี
แฟ้มภาพ ผู้สื่อข่าวอยุธยา