ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์นมที่ผลิตจากพืชมีหลากหลาย แต่ในปี 2022 นี้ ดูเหมือน นมมันฝรั่ง กำลังถูกจับตามองจากทั้งนักโภชนาการ และบรรดาบริษัทที่ทำธุรกิจทางด้านโภชนาการและสุขภาพมากขึ้น โดยต่างทำนายกันว่า นมมันฝรั่ง จะกลายนมยอดนิยมของบรรดาคนรักสุขภาพ เพราะทั้งมีคุณค่าทางอาหารสูง และดีต่อสิ่งแวดล้อม
ร้านซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังของอังกฤษ อย่าง Waitrose ระบุว่า เทรนด์การดื่มนมมันฝรั่ง กำลังจะกลายเป็นทางเลือกของการบริโภคผลิตภัณฑ์นมจากพืชที่มาแรง หลังช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคได้ลิ้มรสนมจากพืชหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนต์ นมข้าวโอ๊ต และนมถั่วลันเตา แต่สำหรับ นมมันฝรั่ง มีข้อดีตรงที่ปริมาณน้ำตาลน้อยกว่า และให้โปรตีนสูง
เหล่านักโภชนาการอาหารคาดว่า ร้านกาแฟ จะรังสรรค์เมนูที่นำนมมันฝรั่ง มาเป็นส่วนผสมของเครื่องดื่ม ให้ลูกค้าได้ลองลิ้มชิมรสกัน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ประโยชน์ต่อสุขภาพของนมมันฝรั่ง มีดังนี้
เป็นหนึ่งในอาหารกลุ่มโปรตีนทางเลือก
เป็นแหล่งของแคลเซียม
มีวิตามิน D, C, B6 และ B12
อุดมด้วยไฟเบอร์
มีแร่ธาตุ ทั้งโพแทสเซียม (มากกว่า ในกล้วย 1 ผลถึง 3 เท่า) แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส
ภากจาก Forbes
มาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยว่า แล้วรสชาติของนมมันฝรั่งจะเป็นอย่างไร เพราะผลฝรั่งที่นำมาทำอาหารแทบจะไม่มีรสชาติ ต้องอาศัยการปรุงรสอย่างน้อยก็ด้วยเกลือ จากข้อมูลของ "DUG" บอกว่า นมมันฝรั่งมีรสชาติดี โดยรวมที่ยังคงธรรมชาติของมันฝรั่ง แต่เพิ่มความหอมมัน และเป็นเนื้อครีมนิดหน่อย
ภาพจาก Forbes
จากการสำรวจของ Waitrose พบว่าประมาณ 70 เปอร์เซนต์ของผู้ตอบสำรวจกว่า 2,000 คน คำนึงถึง “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” ในอาหารที่พวกเขาซื้อและบริโภค บางคนถึงกับให้ข้อมูล ว่าพวกเขาใช้สูตรบริโภค 5:2 ซึ่งเป็นสัดส่วนการทานอาหารมังสวิรัติ 5 วัน และหยุดกิน 2 วัน ต่อสัปดาห์
นมมันฝรั่ง ตอบโจทย์ เพราะช่วยลดผลกระทบต่อสภาพอากาศด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ นมอัลมอนต์เป็นนมทางเลือกที่นับว่ามีการสร้าง “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” หรือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยจากกระบวนการผลิตน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับนมทางเลือกชนิดอื่นๆ แต่การปลูกมันฝรั่ง ใช้พื้นที่และน้ำในการเพาะปลูกน้อยกว่า อัลมอนด์ ที่ต้องการน้ำมากกว่าถึง 56 เท่า ทำให้เกิดกระบวนการที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า นมมันฝรั่งจึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า
เห็นแบบนี้แล้ว หลายคนคงอยากลองลิ้มรส นมมันฝรั่งดูบาง เพราะนอกจาก มีประโยชน์ต่อร่างกาย ยังดีต่อโลกและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนกว่าด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก Forbes / The Cut / Well and Good
ภาพจาก maetubtimgrob
ติดตาม TNN Health ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
