TNN online ต้องรอด! หมอธีระย้ำเปิดโหมด survival ไม่ติดเชื้อดีที่สุด

TNN ONLINE

เกาะติด COVID-19

ต้องรอด! หมอธีระย้ำเปิดโหมด survival ไม่ติดเชื้อดีที่สุด

ต้องรอด! หมอธีระย้ำเปิดโหมด survival ไม่ติดเชื้อดีที่สุด

หมอธีระย้ำเปิดโหมด "survival" สำหรับตนเอง-สมาชิกในครอบครัว มุ่งเป้า "ไม่ติดเชื้อโควิด" เอาตัวรอดช่วงโอมิครอนโจมตี

วันนี้ ( 22 ก.พ. 65 )รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์อัพเดทสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ระบุว่า สถานการณ์ไทยเรา เอาแค่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยืนยัน RT-PCR เมื่อวาน ถือว่าสูงเป็นอันดับ 18 ของโลก และอันดับ 8 ของเอเชีย แต่ถ้ารวม ATK ไปด้วย จะขึ้นมาเป็นอันดับ 11 ของโลก และอันดับ 6 ของเอเชีย

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ติดเชื้อจริงจะมากกว่าที่เห็นจากตัวเลขที่รายงาน เพราะปัญหาในการเข้าถึงบริการตรวจ ไม่ว่าจะ RT-PCR หรือ ATK ก็ตาม  ยังไม่นับเรื่องโอกาสเกิดผลลบลวง จากการตรวจด้วย ATK ซึ่งมีสูงกว่าวิธี RT-PCR เนื่องจากความไวต่ำกว่า

จากที่เคยวิเคราะห์ธรรมชาติการระบาดทั่วโลกในกลุ่มประเทศที่ผ่านพีคของโอมิครนไปแล้วนั้น ค่ามัธยฐานของจำนวนติดเชื้อสูงสุดต่อวันจะสูงกว่าพีคเดลต้าราว 3.65 เท่า  ทั้งนี้ไทยเรามีปัญหาหลักอยู่ที่ข้อจำกัดเชิงระบบบริการตรวจ ทำให้ตรวจได้ไม่มากดังนั้นภาพรวมสุดท้ายในอนาคตอันใกล้นั้น น่าจะเห็นพีคไทยได้เท่าที่ตรวจ แต่ขอให้เราตระหนักไว้ว่าธรรมชาติการระบาดของต่างประเทศเป็นดังที่กล่าวมา และต้องป้องกันตัวให้เคร่งครัด เรื่องสำคัญที่ขอเน้นย้ำอีกครั้ง  ที่ต้องทำตอนนี้มีอยู่เรื่องเดียวจริงๆ คือ เปิดโหมด "survival" สำหรับตนเองและสมาชิกในครอบครัวให้ได้

มุ่งเป้า "ไม่ติดเชื้อ" เพื่อที่จะไม่ต้องไปลุ้นเรื่องภาวะอาการคงค้างเรื้อรังหรือ Long COVID ซึ่งเสี่ยงต่อการเสื่อมสมรรถนะร่างกายและจิตใจในระยะยาว ทำให้ความสามารถในการดูแลตนเองลดลง ต้องพึ่งพิงคนอื่น หรือทุพพลภาพ

จะทำเช่นนั้นได้ ไม่มีทางอื่นนอกจาก "การป้องกันตัว"

1.ใส่หน้ากากเสมอ 

เจอใครไม่ใส่ ก็"ชั่งหัวมัน"ครับ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ต้องเอาตัวรอดใครรักชีวิตเสี่ยงก็เสี่ยงไป แจ็คพอตก็หวังว่าจะกล้าหาญพอที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายในอนาคต

2. เว้นระยะห่างจากคนอื่น

 ชีวิตจริงเวลาไปทำธุระ ไปทำงาน หรือใช้ชีวิตประจำวัน แม้เราจะระวัง แต่จะเจอเสมอที่คนอื่นๆ ที่เราพบปะนั้นจะเข้ามาคลุกคลีใกล้ชิดปานจะกลืนกิน ดังนั้นพอเห็นใครมาใกล้กว่าหนึ่งเมตร ขอให้ก้าวกระเถิบออกมาให้ห่างจากเขา การทำเช่นนี้ ไม่ได้เสียมารยาท แต่เป็นการช่วยรักษาความปลอดภัยทั้งเราและเขา เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าใครจะติดจากใคร นอกจากนี้พอเราทำเป็นตัวอย่างให้เห็น ก็จะเป็นการกระตุ้นให้คนอื่นเกิดการเรียนรู้ และเป็นบรรทัดฐานเวลาเจอกันยามระบาด

3. งดกินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น

ติดกันมานักต่อนัก มากมายรอบตัว ทั้งจากการกินข้าวในที่ทำงาน การนัดพบปะสังสรรค์ระหว่างเพื่อนฝูง หรืออื่นๆ หลายที่ก็มีนโยบายห้ามหรืองดกินข้าวร่วมกันในที่ทำงาน ให้แยกไปต่างคนต่างกินส่วนที่ไหนที่ทำไม่ได้ หรือใครทำไม่ได้ ก็ขอให้ตระหนักไว้ว่าเสี่ยงแน่นอน รอแจ็คพอตว่าจะเมื่อใดก็เท่านั้น จึงต้องอ่านข้อสุดท้ายคือข้อสี่ต่อไป

4. หมั่นตรวจตราตนเองและสมาชิกในครอบครัว 

หากไม่สบายคล้ายหวัด ไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดหัว ไอ เจ็บคอ คัดจมูกน้ำมูกไหล แม้เล็กน้อย ก็จงตระหนักไว้ว่ามีโอกาสเป็นโควิด-19 และจะนำพาไปสู่การระบาดในครอบครัว และที่ทำงานได้

ดังนั้นหากไม่สบาย ควรหยุดเรียนหยุดงาน แยกตัวจากคนใกล้ชิด ป้องกันตัว 100% และไปตรวจรักษาให้หายดีเสียก่อน เป็นความรับผิดชอบทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคมหากท่าน และครอบครัวป้องกันตัวเต็มที่ดังที่กล่าวมาข้างต้น ความเสี่ยงจะลดลงไปมาก และเป็นหนทางสู่โหมด survival 

ย้ำอีกครั้งว่า Long COVID จะเป็นปัญหาหลักในอนาคต ตัวเลขแต่ละวันที่เห็นนั้นอาจไม่สะท้อนสถานการณ์จริงเพราะมีข้อจำกัดในเรื่องศักยภาพของระบบการตรวจ การติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันจึงน่าจะมากกว่าที่เห็น

Long COVID ป้องกันได้ หากเราป้องกันตัว...


ข้อมูลจาก : รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธีระ วรธนารัตน์

ภาพจาก : AFP

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง