สถานการณ์ความตึงเครียดในไตรมาส 3 กับการลงทุนคริปโตฯ วิเคราะห์โดย Zipmex
สถานการณ์ความตึงเครียดในไตรมาส 3 กับการลงทุนท่ามกลางความไม่แน่นอน วิเคราะห์โดย เอกราช ศรีศุภวิชากิจ Head of Risk Management & Research Specialist Zipmex Trader
เข้าสู่ช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 กันแล้วนะครับ ถือว่าเป็นไตรมาสที่ยาวนานและมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ในบทความจึงอยากจะยกบางประเด็นมาแชร์กันและสรุปผลตอบแทนของแต่ละสินทรัพย์ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง
ผลการประชุมเฟดปลายเดือนกันยายน
นักลงทุนต่างก็จับตาดูผลการประชุมในครั้งนี้ว่าทิศทางจะออกมาในรูปแบบไหน จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิมหรือไม่ ที่สำคัญคือ QE Tapering จะเป็นอย่างไรเพราะปัจจัยดังกล่าวล้วนแต่ส่งผลต่อตลาดการเงินการลงทุนทั้งสิ้น แต่แล้วก็เป็นไปตามที่กูรูหลายท่านคาดการณ์คือเฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมก่อน ส่วน QE Tapering เนี่ยจะเริ่มทำเร็ว ๆ นี้แต่ตอบแน่ชัดไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ (อาจจะทำเงียบ ๆ เดี๋ยวตลาด Panic) ทั้งยังลดประมาณการทางเศรษฐกิจปีนี้ลงจาก 7% เหลือ 5.9% แต่เพิ่มการคาดการณ์เงินเฟ้อว่าคงสูงขึ้นจาก 3% เป็น 3.7% ค่ำคืนนั้นตลาดหุ้นรวมถึงตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลก็ตอบรับในเชิงบวก ราคาปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
อสังหา ฯ ใหญ่ในจีนเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้
ข่าวใหญ่นี้ก็กดดันและเป็นที่สนใจของตลาดมากในไตรมาสนี้ เพราะบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ในจีนนามว่า Evergrande มีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ก้อนโต ซึ่งพอขุดคุ้ยเข้าไปแล้วหนี้รวม ๆ มีสูงถึง 10 ล้านล้านบาทซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ประเทศไทย ปัญหาหนี้นี้เกิดขึ้นมายาวนานพอสมควร แต่ไม่เป็นที่สนใจของตลาดเท่าไหร่จนทางการออกมาเตือนว่าบริษัทนี้มีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้เท่านั้น เรื่องแดง และมีความกังวลว่าจะลามเป็นวิกฤติใหญ่ทั่วโลกอีกรึเปล่า
ราคาหุ้นของ Evergrande และราคาตราสารหนี้นั้นลงแรงมาก ลงมาก่อนข่าวจะประกาศอีก ทำให้มีผู้เสียหายในเหตุการณ์นี้เป็นจำนวนมาก แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าทางการเงินเองน่าจะไม่ปล่อยให้ล้มและน่าจะมีมาตรการบางอย่างออกมาช่วยเหลือให้ไม่เกิดผลกระทบในวงกว้าง
(ภาพราคาหุ้น Evergrande)
(ภาพราคาตราสารหนี้ Evergrande)
การอัดฉีดสภาพคล่องจากทั่วโลกยังคงดำเนินต่อไป
แม้หลายฝ่ายจะเริ่มกังวลกับการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพราะมันคือการแก้ปัญหาหนึ่ง แต่กลับนำพาปัญหาใหม่ตามมาให้ ที่สำคัญคือ ประชาชนคนทั่วไปที่ถือครองเงินสดเหมือนถูกดึงความมั่งคั่งในทางอ้อม คืออำนาจซื้อของเราที่มีจะลดลงเรื่อย ๆ ถึงจะมีการลดขนาดการอัดฉีดสภาพคล่องลงก็ตาม แต่ถ้าตีความดี ๆ ลดขนาดก็ยังคงทำอยู่แต่แค่น้อยลง แบบต้มกบไปเรื่อย ๆ ยิ่งในช่วงโควิด-19 นั้นประเทศสหรัฐ ฯ เองมีการพิมพ์เงินครั้งใหญ่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
(ภาพประกอบจาก Visual Capitalist)
ผลตอบแทนสินทรัพย์เสียงไตรมาสที่สามเป็นอย่างไร
ไตรมาสนี้เนื่องจากมีความกังวลมากดดันหลายด้าน ประกอบกับการเติบโตของเศรษฐกิจที่อาจไม่ฟื้นตัวเร็วอย่างที่คิดจึงทำให้ภาพของตลาดหุ้นดูทรง ๆ แกว่งบวกลบสลับ ๆ กันไป ซึ่งตลาดหุ้นโซนเมกาจะอยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ DJI +1.79% , SP500 + 4.17% ด้านเอเชียก็แกว่งในกรอบแคบ NI225 +4.55% , KOSPI ของเกาหลี -4.71 , SET +2.74 HIS -15.41% (เพราะ Evergrande ลิสต์ที่ตลาดฮ่องกง) ทางด้านสินทรัพย์ดิจิทัล +52.61 , DeFi +81.28% ซึ่งถือว่า Outperform สินทรัพย์อื่นพอสมควรหลังจากที่ปรับฐานแรงในช่วงไตรมาสที่ 2
(ภาพผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนสินทรัพย์เสี่ยง)
การลงทุนท่ามกลางความไม่แน่นอน
ไตรมาสนี้หลายคนเริ่มตั้งคำถามแล้วว่าจะเอายังไงต่อดี บางท่านอาจลดพอร์ตออกมาแล้วเพราะเหตุการณ์ดูน่ากังวลมาก ความไม่แน่นอนสูง แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าตลาดการลงทุนจะมีเรื่องที่น่าประหลาดใจ มีเหตุการณ์ใหม่ ๆ มีความกดดัน ความตึงเครียดลักษณะนี้อยู่ตลอดเวลา แต่วันหนึ่งเหตุการณ์นั้นจะผ่าน สิ่งที่เราทำได้และควรทำตลอดการลงทุน ไม่ว่าตอนนั้นจะผันผวนมากหรือผันผวนน้อย คือการบริหารความเสี่ยง การวางแผนสำรอง การกันเงินสำรอง การจัดพอร์ตแบบกระจายเงินอย่างเหมาะสม ที่สำคัญคือ ยามที่ตลาดปรับตัวลงเวลา Panic คือเวลาที่ดีที่สุดในการทำบ้านเพื่อพิจารณาและเลือกสินทรัพย์ที่มีโอกาสมากที่สุด เมื่อตลาดกลับตัว เราจะเป็นคนโชคดีในสายตาคนอื่น แต่ตัวเราเองจะรู้ดีว่า เราเตรียมตัวไว้แล้วต่างหาก ไม่ได้โชคช่วยเหมือนที่หลายคนคิด
ที่มา: Zipmex Trader
ภาพประกอบ : AFP