สหรัฐฯเริ่มอพยพนักการทูตออกจากกรุงคาบูล หวั่นตาลีบันตีแตก

วันนี้ ( 15 ส.ค. 64 )สำนักข่าว Reuters รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เริ่มอพยพนักการทูตออกจากสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงคาบูลของอัฟกานิสถานแล้ว พร้อมส่งทหารเข้าไปรักษาความปลอดภัยให้สนามบินในกรุงคาบูล เพื่อนำนักการทูตและพลเรือนอเมริกันออกจากประเทศ

ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มติดอาวุธตาลีบันยึดเมืองเอกของจังหวัดต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง จนล่าสุด ยึดเมืองเอกเกือบทั้งหมดในประเทศไว้แล้ว ยกเว้นกรุงคาบูล ทั้งที่ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ คาดว่า กรุงคาบูลจะยังไม่แตกในอีก 3 เดือนนับจากนี้ 

เมืองล่าสุดที่กลุ่มตาลีบันยึดได้ คือ เมืองจาลาลาบัด ซึ่งเป็นเมืองยุทธศาสตร์ ทำให้กลุ่มตาลีบันควบคุมถนนเชื่อมกับเมืองเปชาวาร์ของปากีสถาน ประเทศเพื่อนบ้านได้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มตาลีบันยึดเมืองมาซาร์ อี ชารีฟ ทำให้ถือว่ายึดภาคเหนือของอัฟกานิสถานได้ทั้งหมดแล้ว 

การต่อสู้ระหว่างกลุ่มตาลีบันและกองทัพอัฟกานิสถาน ส่งผลให้ประชาชนกว่า 250,000 คน ต้องไร้ที่อยู่อาศัย, ผู้อยู่ในเมืองที่ตาลีบันยึดครองได้ ถูกบังคับให้ใส่บูร์กา หรือผ้าคลุมแบบอิสลามที่ปกปิดร่างกายทั้งตัว 

อย่างไรก็ดี ทางการอัฟกานิสถานระบุว่า ทหารสหรัฐฯ ที่ยังหลงเหลืออยู่ในกรุงคาบูล จะทำการอพยพประชาชนออกจากเมืองต่างได้หลายพันคนต่อวัน ด้วยการอพยพทางอากาศ ขณะที่ ทหารสหราชอาณาจักรราว 600 นาย มีกำหนดเดินทางถึงอัฟกานิสถานภายในวันนี้ เพื่ออพยพพลเรือนสหราชอาณาจักร รวมถึงชาวอัฟกันที่ช่วยเหลือกองทัพสหราชอาณาจักรมาโดยตลอดด้วย 

วานนี้ (14 สิงหาคม) ประธานาธิบดีกานี แถลงการณ์ที่บันทึกไว้ก่อนผ่านทางโทรทัศน์ว่า ตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการระดมทหารอัฟกานิสถาน เพื่อยับยั้งความเสียหายไม่ให้มากไปกว่านี้ รวมถึงช่วยเหลือประชาชนที่ต้องไร้บ้านด้วย แต่ย้ำว่า เขาจะไม่ยอมให้สงครามคร่าชีวิตประชาชนไปมากกว่านี้ และชื่นชมการต่อสู้ของกองทัพด้วย 

ทั้งนี้ ผู้สังเกตการณ์หลายคนคาดว่า ประธานาธิบดีกานี อาจจะประกาศลาออกจากตำแหน่งในเร็ว ๆ นี้ ด้านสหประชาชาติเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านอัฟกานิสถานเปิดพรมแดนต่อไป เพื่อให้ชาวอัฟกันที่ไร้บ้าน สามารถอพยพไปได้อย่างปลอดภัย เพราะตอนนี้ สถานการณ์กำลังเกินควบคุมแล้ว