พร้อมอพยพคนไทยหากเกิดเหตุฉุกเฉินในตะวันออกกลาง

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงเกี่ยวกับการเตรียมการของไทยต่อสถานการณ์อิสราเอล-อิหร่าน

นายนิกรเดช กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศ ออกประกาศแจ้งเตือนคนไทยให้หลีกเลี่ยงการไปในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน ก็ได้ประสานติดต่อชุมชนไทยทั้งสองประเทศ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารพัฒนาการอย่างใกล้ชิดเป็นระยะ 

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้ามีความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นอย่างที่สื่อมวลชนทราบแล้ว เรายังพยายามติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ที่สำคัญคือเตรียมความพร้อมช่วยเหลือคนไทยในกรณีฉุกเฉิน โดยหาช่องทางในการอพยพคนไทยไว้แล้ว

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ยังหารือกับเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ และเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน เพื่อดูแนวทางในการช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่ด้วย

ท่าทีของไทยคือ ให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจไม่ให้สถานการณ์เลวร้าย และส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยคนไทยในพื้นที่ที่มีความห่วงกังวลในเรื่องความปลอดภัย สามารถพิจารณาในการออกจากพื้นที่ได้ จึงขอให้คนไทยในพื้นที่ติดตามการแจ้งข่าวสารทั้งจากหน่วยงานท้องถิ่นและสถานเอกอัครราชทูตอย่างใกล้ชิด สถานเอกอัครราชทูตของไทยทั้ง 2 ประเทศพร้อมให้ความช่วยเหลือ

ส่วนผลกระทบต่อคนไทยนั้น นายนิกรเดช เปิดเผยว่า มีคนไทยที่พำนักในอิสราเอล รวมถึงที่บินกลับไปอิสราเอลแล้ว 28,000 คน และมีคนไทยอยู่ในอิหร่าน 300 คน จากเหตุการความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้วงที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ก็ได้ทราบจากรายงานว่า ไม่มีคนไทยได้รับผลกระทบใด ๆ 

นายนิกรเดช เปิดเผยต่อกรณีตัวประกันคนไทยว่า เมื่อวานนี้ (18 เม.ย.) เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้เข้าร่วมการประชุมบรรยายของรัฐบาลอิสราเอลเกี่ยวกับสถานการณ์ของตัวประกัน ซึ่งได้รับการยืนยันว่า คนไทยที่ถูกจับกุมเป็นตัวประกันยังคงมีจำนวน 8 คน โดยยังไม่อาจยืนยันได้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่