"ปิยสวัสดิ์"เดินหน้ากู้เงิน 2.5หมื่นล้านฟื้นฟูการบินไทย ลั่นปี 67 พลิกกำไร

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าแผนฟื้นฟูกิจการว่า  เตรียมขอกู้เงินสถาบันการเงิน 25,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจในปี 65 หลังจากที่กระทรวงการคลังมีความชัดเจนที่จะไม่ปล่อยเงินกู้ให้กับการบินไทย

ซึ่งการบินไทยเชื่อว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้หากใช้เงินกู้เอกชน เนื่องจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย  และวงเงินดังกล่าวเพียงพอในการทำธุรกิจในช่วงระหว่างรอรายได้ที่จะเข้ามาในช่วงเปิดประเทศ    โดยยอมรับว่าธุรกิจการบินยังมีความเสี่ยงสูง เพราะล่าสุดโควิดมีการระบาดในยุโรป 

 

สำหรับแผนกู้เงินนั้น สถาบันการเงิน ซึ่งเป็นผู้ให้กู้ต้องดูความสามารถในการหาเงินหารายได้ของบริษัทฯ ในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่างการทำรายละเอียดของแผนงาน โดยตามแผนเงินใหม่หากเป็นผู้กู้รายเดิมมีสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้ในราคาหุ้นละ 2.54 บาท  

ทั้งนี้ในส่วนของคลังรัฐต้องการคงสัดส่วนการถือหุ้นไว้ก็ต้องเติมเงิน เพื่อให้สัดส่วนหุ้น 48% จะยังคงอยู่ และหากรวมกองทุน และธนาคารออมสิน รัฐจะมีสัดส่วนถือหุ้นรวม 67% ในทางตรงกันข้ามหากคลังไม่ได้ใส่เงินเข้ามา จะไม่มีสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งกรณีดังกล่าวจะทำให้สัดส่วนหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ 48% จะลดลงเหลือ 8% เท่านั้น 

นอกจากนี้จากการประชุมกับนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้ขอดำเนินการลดหนี้เงินต้น (แฮร์คัต) หรือขอเงินกู้จากรัฐ แต่ขอให้รัฐจ่ายหนี้ที่ค้างการบินไทยอยู่มาให้หมด เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1,800 ล้านบาท ธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทยคืนเงินกองทุนบำเหน็จ พนักงาน  2,000 ล้านบาท เป็นต้น

ทั้งนี้ภายหลังรัฐบาลเปิดประเทศในเดือนต.ค.ที่ผ่านมามีรายได้ 1,200 ล้านบาทด้านการขนส่งสินค้า 90% และผู้โดยสาร 10% ไม่รวมฝ่ายช่าง ภาคพื้น และครัวการบิน ขณะที่เดือนพ.ย.ตั้งแต่เปิดประเทศผู้โดยสารเพิ่ม 10 วันแรกวันละ 750 คน ก่อนหน้านี้วันละ 300 คน ซึ่งรายได้จากผู้โดยสารจะทยอยเพิ่มขึ้น แต่รายได้หลักมาจากคาร์โก้คาดว่าถ้าธุรกิจการบินดีขึ้นจะทำให้การบินไทยสามารถเลี้ยงตัวเองได้ โดยปี 65 คาดว่ามีกำไร 1.4 หมื่นล้านบาท

ส่วนในปี 66 และปี 67 ถ้าโควิดไม่ระบาดรุนแรงและธุรกิจการบินฟื้นจะทำให้รายได้ การบินไทยกลับมาที่ 1.4-1.5 แสนล้านบาท  และอาจทำ ให้บริษัทฯ กลับมามีกำไร เนื่องจากได้เพิ่มเส้นทางบินในยุโรป และสหรัฐฯ ส่วนในประเทศเอเซียยังไม่เปิดบินมากนักจึงยังไม่ได้ทำแผนตารางบิน ขณะที่ค่าใช้จ่ายลดลงต่อเนื่อง  อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่รายได้จะกลับมา 1.8 แสนล้านบาทก่อนโควิดคงเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ 

ทั้งนี้เนื่องจากครื่องบินที่ให้บริการมี 54 ลำ  จากที่ก่อนหน้านี้มี 100 ลำ  เพื่อไม่เห็นเป็นภาระต้นทุนมากเกินไป แต่ในอนาคตหากจำนวนผู้โดย สารมาใช้บริการมากขึ้นและธุรกิจการบินเริ่มกลับคืนมาอาจจะเช่าเครื่องบินตามความจำเป็น 

อย่างไรก็ตาม เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เสนอคมนาคมพิจารณาอนุมัติขายเครื่องบิน 11 ลำ  จากที่ก่อนหน้านี้จากที่ก่อนหน้านี้เคยเสนอขาย 1 ลำเป็นโบอิ้ง 737 และอยู่ระหว่างรอให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เซ็นเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองในฐานะเป็นนายทะเบียนเครื่องบินจาก กระทรวงคมนาคมเป็นชื่อผู้ซื้อเครื่องบิน 

ที่มา : บริษัท การบินไทย จำกัด 

ภาพประกอบ :บริษัท การบินไทย จำกัด