TNN online หอการค้าร่วมต่างประเทศฯจัดสัมมนา นักลงทุนสนใจพื้นที่ EEC

TNN ONLINE

Wealth

หอการค้าร่วมต่างประเทศฯจัดสัมมนา นักลงทุนสนใจพื้นที่ EEC

หอการค้าร่วมต่างประเทศฯจัดสัมมนา นักลงทุนสนใจพื้นที่ EEC

หอการค้าร่วมต่างประเทศฯ จัดสัมมนา 3 วันเต็ม เผยนักลงทุนสนใจพื้นที่ EEC ตอบโจทย์ กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิตอล

นายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) เปิดเผยว่า หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) ได้จัดงานสัมมนาแบบผสมผสานออนไลน์และออฟไลน์ “Reconnecting International Business with Thai Eastern Economic Corridor” โดยมีนักลงทุนต่างชาติเข้าร่วมงาน 181 คนทั้งแบบสัมมนาออนไลน์ และเข้าร่วมงานสัมมนา 3 วัน 2 คืน ระหว่างวันที่ 14 – 16 ตุลาคม 2564 ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี  

หอการค้าร่วมต่างประเทศฯจัดสัมมนา นักลงทุนสนใจพื้นที่ EEC ภาพจาก หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) 

 ทั้งนี้ กิจกรรมตลอดระยะเวลา 3 วันประกอบไปด้วยการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  การเสวนา  กิจกรรมสร้างเครือข่าย  และการเยี่ยมชมชุมชนตะเคียนเตี้ย ชุมชนสวนมะพร้าวในเมืองพัทยา โดยมีจุดประสงค์ เพื่อสร้างโอกาสในการต่อยอดความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มธุรกิจต่างชาติและกลุ่มธุรกิจท้องถิ่นในจังหวัดชลบุรี สร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในการทำธุรกิจของทั้งสองกลุ่ม  


รวมทั้งนำเสนอข้อมูลล่าสุด โครงการสาธารณูปโภคในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกแก่นักลงทุนต่างชาติ เช่น เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลประเทศไทย  ท่าเรือแหลมฉบัง และสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา รวมถึงรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อม 3 สนามบินทั้งดอนเมือง สุวรรณภูมิและอู่ตะเภา ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2568

“การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ของงานสัมมนาในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  (EEC)  โดยครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อปีที่แล้วที่จังหวัดระยอง  สมาชิกของเราซึ่งเป็นหอการค้าร่วมต่างประเทศของประเทศต่างๆล้วนมีความสนใจอย่างยิ่งที่จะต่อยอดความสัมพันธ์กับกลุ่มธุรกิจท้องถิ่นในจังหวัดชลบุรี  และที่สำคัญอย่างยิ่งคือการได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับแผนการพัฒนาล่าสุดของโครงการสาธารณูปโภคใน EEC  

เราเชื่อมั่นในศักยภาพของพื้นที่ EEC และจัดงานครั้งนี้ที่มีรูปแบบผสมผสานทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ก็เพื่อช่วยกระจายข้อมูลดังกล่าวไปยังกลุ่มนักลงทุนต่างชาติทั้งในไทยและต่างประเทศพร้อมๆกัน โดย กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิตอลเป็นกลุ่มที่มีความคืบหน้ามากที่สุด ที่ให้ความสนใจลงทุนในพื้นที่อีอีซี โดยเฉพาะกลุ่ม smart electronics เช่น กลุ่มผู้ประกอบชิ้นส่วนสำหรับ EV หรือกลุ่ม smart devices เนื่องจากพื้นที่อีอีซีอยู่ใกล้กับสนามบินถึง 2 แห่ง คือสุวรรณภูมิและอู่ตะเภา ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งออกนั่นเอง” นายสแตนลีย์ คัง กล่าว

หอการค้าร่วมต่างประเทศฯจัดสัมมนา นักลงทุนสนใจพื้นที่ EEC ภาพจาก หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) 

 นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา  ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) กล่าวว่า ทาง สสปน.ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกับหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ของทั้งสององค์กรและส่งเสริมความร่วมมือในโครงการ “One Chamber One Community” 


สำหรับการจัดกิจกรรมเชิงธุรกิจในภูมิภาคต่างๆของประเทศไทย  โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีความพร้อมและศักยภาพ ในการเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อรองรับการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ (MICE cities)  งานสัมมนา EEC Business Forum ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะแสดงให้เห็นความพร้อมของพัทยา ในการเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อรองรับการจัดประชุมและกิจกรรมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ 

ดร. ลัษมณ อรรถาพิช รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ขอให้ทุกท่านมั่นใจว่าโครงการต่างๆในอีอีซีจะยังคงเดินหน้าต่อไปแม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19  โดยโครงการท่าเรือแหลมฉบังและการพัฒนาเมืองการบิน (Airport City) จะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับเครือข่ายโลจิสติกส์ที่หลากหลายในพื้นที่อีอีซี  

สกพอ.ได้ดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆเพื่อสร้างระบบการทำงานโลจิสติกส์ที่ไร้รอยต่อซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโลจิสติกส์ทั้งในอีอีซีและในระดับประเทศ  ในส่วนของสาธารณูปโภคดิจิทัล  ได้มีการติดตั้งเครือข่าย 5G ในพื้นที่อีอีซีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ทั้งหมดนี้จะช่วยนำอีอีซีให้กลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียทั้งด้านธุรกิจและการลงทุน

หอการค้าร่วมต่างประเทศฯจัดสัมมนา นักลงทุนสนใจพื้นที่ EEC ภาพจาก หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) 

 ทางด้าน นางสาวสุวิมล ตวงวุฒิกุล  รองประธานหอการค้าจังหวัดชลบุรี  กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสมาชิกหอการค้าชลบุรีที่ปัจจุบันมีทั้งหมด 175 บริษัท ได้มีโอกาสพบปะนักธุรกิจและนักลงทุนชาวต่างชาติ  ปัจจุบันชลบุรีมีผลิตภัณฑ์มวลรวมคิดเป็น 6.4 เปอร์เซ็นของผลิตภัณฑ์มวลรวมทั้งประเทศ  เมื่อรวมกับฉะเชิงเทราและระยอง  ทั้งสามจังหวัดมีผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงถึง 14.7 เปอร์เซ็นของผลิตภัณฑ์มวลรวมทั้งประเทศ  


ตัวเลขนี้สามารถสูงขึ้นอีกได้เมื่อมีบริษัทในภาคการผลิต และภาคบริการบนฐานของเทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัตกรรมเข้ามาจัดตั้งในพื้นที่  เช่น บริษัทในกลุ่มกระบวนอัตโนมัติและหุ่นยนต์  กลุ่มอากาศยานและการขนส่ง  กลุ่มพลังงานชีวมวลและชีวเคมี  รวมทั้งกลุ่มธุรกิจดิจิทัล  ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นแก่บุคคลในท้องที่


ข้อมูลจาก  หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) 

ภาพจาก หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) 

ข่าวแนะนำ