หุ้นไทยปิดบวก 4.73 จุดแรงซื้อสถาบัน-บัญชีบล.พยุง ลุ้นผลประชุมเฟดคืนนี้
ตลาดหุ้นไทยปิดบวก 4.73 จุด แรงซื้อสถาบัน-บัญชีบล.พยุง ตลาดรอผลประชุมเฟดคืนนี้หากไม่เซอร์ไพร์สตลาด ส่งสัญาณไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยและลดคิวอีภายในปีนี้ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,610-1,630 จุด ชู 2 หุ้นเด่น
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.คันทรี่กรุ๊ป เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,619.59จุด บวก 4.73 จุด หรือ 0.29 % ระหว่างวันซื้อขายสูงสุด1,623.86 จุด และต่ำสุดที่ 1,611.76จุด มูลค่าการซื้อขาย 78,913.60 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดบวก จากแรงหนุนหุ้นใน 3 ตัวหลักดันตลาด ทั้ง TRUE 0.9 จุดADVANC 0.8 จุด และ SCB 0.58 จุด หลังจากที่บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) และ ธนาคารไทยพาณิชย์
ประกาศบรรลุข้อตกลงและลงนามในสัญญาร่วมทุน จัดตั้งบริษัท AISCB ให้บริการด้านการเงินดิจิทัล ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศมีทั้งบวกและลบสลับกันขึ้นกับปัจจัยแต่ละเทศ
สำหรับมูลค่าซื้อขายวันนี้พบว่า สถาบันซื้อสุทธิ 670.92 ล้านบาทบัญชีบล.ซื้อสุทธิ 447.79 ล้านบาท ต่างประเทศขายสุทธิ 1,025.19ล้านบาท
ในประเทศขายสุทธิ 93.52 ล้านบาท
ส่วนปัจจัยที่ติดตามตลาดรอดูผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดในคืนนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ โดยแบ่งเป็น 3 รูปแบบคือ
1.ถ้าส่งสัญญาณนโยบายการเงินผ่อนคลาย โดยยังไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยและคิวอีไม่ลดวงเงินเร็ว ๆ นี้ ถือว่าผ่อนคลายมากกว่าที่ตลาดมองไว้จะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกและหุ้นไทยปรับตัวขึ้นและดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสอ่อนค่า ขณะที่งินบาทแข็งค่า ทำให้ Fund Flow ไหลเข้าหุ้นไทย แต่ผู้ส่งออกจะได้รับผลกระทบ
จากเงินบาทที่แข็งค่า
2. เฟดใช้นโยบายการเงินเข้มงวดมากกว่าตลาดมองไว้ ถ้าเงินเฟ้อมาเร็วและแรงกว่าคาด รวมถึงเร่งขึ้นดอกเบี้ยและประกาศลดคิวอี 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐลงมาอย่างชัดเจนว่า จะเหลือเท่าไหร่จะปรับฐานลง แต่เป็นช่วงสั้น เพราะที่ผ่านมาช่วงเฟดทำคิวอีเม็ดเงินดังกล่าวไม่ได้เข้าไทย และที่ผ่านมาต่างชาติขายหุ้นไทยไปมากแล้วทำให้การถือครองน้อยลงจึงส่งผลกระทบต่อหุ้นไทยจำกัด นอกจากนี้การเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยมาจากเม็ดเงินสถาบันและรายย่อยเป็นหลัก
3.ถ้าเฟดคงโยบายเหมือนการประชุมที่แจ็คสันโฮล โดยดอกเบี้ยไม่เร่งปรับขึ้นและคิวอีลดภายในปีนี้เหมือนกับที่ตลาดมองซึ่งเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในรูปแบบนี้ เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หรือบอนด์ยีลด์แกว่งออกข้างตีความว่าเฟดน่าจะนโยบายเหมือนเดิมยังไม่เห็นการเคลื่อนไหวบอนด์ยีลด์อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ dollar index แกว่งออกข้าง ตลาดตีความชัดเจนว่าเฟดไม่น่ามีการเปลี่ยนแปลง ถ้าเป็นแบบนี้ตลาดหุ้นแกว่งในกรอบตามตลาดคาด 1,610-1,630 จุด"
นอกจากนี้ติดตามการประชุมศบค.วันที่ 27 ก.ย. หากคลายล็อกกิจกรรมเพิ่ม เช่น โรงภาพยนตร์กลับมาเปิดให้บริการส่งผลดีต่อหุ้น MAJOR เนื่องจาก Valuation ไม่แพงราคาเป้าหมาย 24.50 บาท
หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ CPN คาดปริมาณคนกลับมาเดินห้างสรรพสินค้าจะมากขึ้น หลังจากคลายล็อกดาวน์ เพราะจากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า ช่วงที่เกิดโควิดไตรมาส 2 ปีที่แล้วล็อกดาวน์ผู้ใช้บริการเหลือเพียง 20-30% แต่หลังจากนั้นรัฐควบคุมผู้ติดเชื้อได้เร็วและปลดล็อกดาวน์ไตรมาส 3 คนมาใช้บริการ 90% ดังนั้นถ้าผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะทำให้ CPN ฟื้นตัวเร็วราคาเป้าหมาย 63 บาท และมีอัพไซด์ถึง 15 %
