นักลงทุนผวาโควิดชะลอลงทุน มูลค่าซื้อขายต่ำสุดเฉียด 11 เดือน
ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งกรอบแคบไร้ปัจจัยใหม่หนุนปิดตลาดบวกเล็กน้อย 0.79 จุด ผนวกนักลงทุนชะลอการลงทุนหลังตัวเลขโควิดพุ่งไม่หยุดฉุดมูลค่าการซื้อขายเบาบางอยู่ที่ 58,156.98 ล้านบาท ต่ำสุดในรอบเกือบ 11 เดือนนับจาก 14 ส.ค.63 แนะลงทุนหุ้นแนวโน้มกำไรไตรมาส 2 แจ่ม
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,579.28 จุด บวก 0.79 จุด หรือ 0.05 % ระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุด 1,582.46 จุด ต่ำสุด 1,573.67 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 58,156.98 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยแกว่งในกรอบแคบเนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนตลาด สอดคล้องทิศทางเดียวกับภูมิภาค โดยหุ้นที่หนุนตลาดในวันนี้เป็นกลุ่มได้ประโยชน์จาก WFH มาตรการภาครัฐ เช่น แพคเกจจิ้ง โมเดิร์นเทรด วัสดุก่อสร้าง และโรงไฟฟ้า ส่วนหุ้นที่กดตลาดเป็นหุ้นที่เสียประโยชน์จากมาตรการล็อกดาวน์ เช่น AOT,KBANK,SCB
สำหรับวันนี้มูลค่าการซื้อขายเบาบาง ถือว่าต่ำสุดในรอบเกือบ 11 เดือนนับจากเดือน 14 ส.ค. ที่มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 58,050 ล้านบาท โดยพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 443.44 ล้านบาทบัญชีบล. ขายสุทธิ 284.67 ล้านบาท ต่างประเทศขายสุทธิ 148.10 ล้านบาท ในประเทศซื้อสุทธิ 876.20ล้านบาท
ด้านปัจจัยที่ต้องติดตามคือความกังวลผู้ติดเชื้อโควิดที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่การกระจายวัคซีนมีความล่าช้าทำให้ภาพรวมตลาดแกว่งแคบ รวมถึงรอดูผลประชุมของกลุ่มโอเปกในคืนนี้ว่าจะสรุปออกมาเป็นอย่างไร
จากที่ก่อนหน้านี้ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียได้เสนอให้โอเปกพลัสปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 2 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงครึ่งปีหลังนี้หรือตั้งแต่เดือนส.ค.-ธ.ค. โดยให้ปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 400,000 บาร์เรล/วัน แต่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) คัดค้านข้อเสนอดังกล่าว พร้อมกับเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในการกำหนดระดับการผลิตขั้นต่ำ โดยหวังว่าจะทำให้โควต้าการผลิตน้ำมันของยูเออีเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประเมินแนวรับพรุ่งนี้ที่ 1,565 จุด และแนวต้านที่ 1,585 จุด ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นรายตัวที่คาดว่ากำไรไตรมาส 2/64 เติบโต เช่น MCS,GPSC,SAPPE