TNN online กสิกรไทยลุยไพรเวทแบงกิ้ง เปิดกองทุนใหม่เน้น 5 กลุ่มเมกะเทรนด์

TNN ONLINE

Wealth

กสิกรไทยลุยไพรเวทแบงกิ้ง เปิดกองทุนใหม่เน้น 5 กลุ่มเมกะเทรนด์

กสิกรไทยลุยไพรเวทแบงกิ้ง  เปิดกองทุนใหม่เน้น 5 กลุ่มเมกะเทรนด์

กสิกรไทยเดินหน้าลุยไพรเวทแบงกิ้ง เปิดตัวกองทุน K-SUSTAIN-UI เน้นลงทุน5 กลุ่มเมกะเทรนด์ IPO วันนี้-28 พ.ค.

นางสาวศิริพร สุวรรณการ Managing Director – Financial Advisory Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า  ได้ร่วมกับ บลจ.กสิกรไทยเสนอกองทุนใหม่ K-SUSTAIN-UI  กองทุนยั่งยืนกองแรกของไทย ที่ใช้ LONG – SHORT Strategy เน้นลงทุนสร้างกำไร ทั้งจากหุ้นที่ได้รับประโยชน์และเสียประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นไปสู่ความยั่งยืน โดยเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันนี้-28 พฤษภาคม  สำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษเท่านั้น 


สำหรับ K-SUSTAIN-UI จะทำการลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds - Multi-Manager Sustainable Long-Short Fund, Class JPM S2 (perf) (acc) - USD ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า  80%  ซึ่งกองทุนหลักมีนโยบายลงทุนใน 5 กลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงและสร้างความเติบโตโดยไม่ทิ้งความเสียหายไว้กับโลก (Sustainability Megatrend) ได้แก่ 1. การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) 


2. การดูแลสุขภาพ (Health and Wellness) 3. โอกาสในการเข้าถึงการศึกษาหรือบริการทางการเงินอย่างเท่าเทียม (Empowerment) 4. การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (Resource Efficiency) 5. เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (Technology for Sustainability) โดยกลุ่มธุรกิจที่สามารถปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้ จะได้รับประโยชน์จากกำไร และการเติบโตที่มากขึ้น จะกลายเป็นผู้ชนะ ในขณะที่บริษัทที่ไม่สามารถปรับตัวได้จะเผชิญกับความเสี่ยงกับการถดถอย และกำไรที่ลดลงของบริษัท แล้วกลายเป็นผู้แพ้ได้ในที่สุด 


ทั้งนี้ JP Morgan Asset Management ผู้บริหารกองทุนหลัก มีประสบการณ์กว่า 25 ปี ทั้งในการซื้อหุ้น (Long) ที่มีโอกาสเติบโตมาถือไว้เพื่อกำไรในอนาคต และการขายหุ้น (Short) ที่มีแนวโน้มราคาลดลง หรือที่เรียกว่า Long - Short Strategy ทำให้กองทุน K-SUSTAIN-UI มีความพิเศษกว่ากองทุนยั่งยืนอื่น ๆ ในตลาดประเทศไทย เพราะไม่เพียงเข้าซื้อหุ้น อย่างเดียว แต่จะซื้อหุ้น (Long) ที่คาดหวังว่าจะสร้างผลดำเนินงานได้ดี จากการปรับตัวไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต 


ซึ่งราคา ณ ปัจจุบันยังไม่ได้สะท้อนถึงความเติบโต และ จะขายหุ้น (Short) ที่ราคาแพงเกินไปในปัจจุบัน หรือหุ้นที่อาจจะเสียโอกาสจากการไม่ยอมปรับตัว หรือไม่มีความสามารถในการปรับตัวไปสู่ความยั่งยืนเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง ด้วยกลยุทธ์นี้ ทำให้สามารถสร้างโอกาสและผลตอบแทนจากทั้งหุ้นที่จะเป็นผู้ชนะและผู้แพ้ ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน อีกด้วย


ด้วยประสบการณ์ของ JP Morgan Asset Management  ที่สามารถเฟ้นหาผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม มาเป็นผู้จัดการกองทุนย่อย หรือ Sub-Advisor ทั้งหมด 7 กอง  1.ตลาดเกิดใหม่ 2.ตลาดจีน 3.ตลาดยุโรป 4.กลุ่มสุขภาพ 5.กลุ่มสาธารณูปโภค 6.กลุ่มผู้บริโภค เทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคม และ7.การมีส่วนร่วมการเปลี่ยนแปลงบริษัทผ่านการถือหุ้น ซึ่งผู้จัดการกองทุนเหล่านี้ จะมาช่วยบริหารการลงทุนภายใต้ 5 ธีมความยั่งยืนที่กล่าวข้างต้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้กลยุทธ์ Long – Short สามารถสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวกในทุกวัฏจักร จัดการผ่านช่วงเวลาที่หุ้นมีความผันผวนได้ดี และสามารถทำกำไรจากการขายหุ้น (Short) ได้


“ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนหลัก JPMorgan Funds - Multi-Manager Sustainable Long-Short Fund, Class JPM S2 (perf) (acc) - USD เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ให้ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 15.53% (ข้อมูล ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2564) และด้วยกลยุทธ์ Long-Short และความสามารถของ Sub-Advisor ในปี 2563 ในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ดัชนีตลาดหุ้นโลก (MSCI World) ปรับลงไปกว่า 21% แต่กองทุนหลักปรับลงเพียง 9.44% เท่านั้น โดย KBank Private Banking แนะนำให้ลงทุนในระยะยาว เพราะยิ่งลงทุนระยะยาว และลงทุนผสม จะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตได้ เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น และ ช่วยโลกยั่งยืนได้อีกด้วย”


 


ข่าวแนะนำ