TNN online TQM ลุยประกันผ่านออนไลน์ รับนิวนอร์มอล

TNN ONLINE

Wealth

TQM ลุยประกันผ่านออนไลน์ รับนิวนอร์มอล

TQM  ลุยประกันผ่านออนไลน์  รับนิวนอร์มอล

ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่นเร่งพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ่านออนไลน์ จับลูกค้ายุคนิวนอร์มอล หลัง COVID-19 พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 25,000 ล้านบาท

 ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM ผู้นำด้านที่ปรึกษาประกันภัยและการเงิน เปิดเผยว่า   แนวโน้มการเติบโตธุรกิจไตรมาส 2/64 ดีต่อเนื่อง  มั่นใจเดินหน้าสร้างสถิติใหม่ เพื่อผลักดันยอดขาย 25,000 ล้านบาท โดยเบี้ยประกัน COVID-19 เติบโตโดดเด่นจากไตรมาส 1/64 ที่ทำได้ 200 ล้านบาท  และทั้งปีอยู่ที่  1,000 ล้านบาท ซึ่งเม.ย. ที่ผ่านมาทำได้แล้วกว่า 700 ล้านบาท  จากปี  63 อยู่ที่  500 ล้านบาท 


นอกจากนี้มีแผนพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ประกันผ่านออนไลน์แบบแยก Segment เต็มรูปแบบ ตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอลที่เปลี่ยนจากออฟไลน์สู่ออนไลน์ และหันมาให้ความสำคัญกับการทำประกัน โดยเฉพาะประกันสุขภาพมากขึ้น ซึ่งจากการออกแบบและพัฒนาระบบออนไลน์ไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้บริษัท ฯ สามารถพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อนำเสนอได้ทันกับสถานการณ์ ตรงกลุ่มเป้าหมาย และปิดงานได้รวดเร็ว 


สำหรับความคืบหน้า กรณีเข้าร่วมลงทุนในบริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด ผู้นำด้านนายหน้าประกันชีวิตประเภทกลุ่มของประเทศไทย พร้อมฐานลูกค้ากว่า 5 แสนราย และ บริษัท ทรู เอ็กซ์ตร้า โบรกเกอร์ จำกัด ประมาณการปี 2564 ซึ่งมีเบี้ยประกันรวมกว่า 1,000 ล้านบาท รายได้รวมกว่า 200 ล้านบาท กำไรสุทธิมากกว่า 30% ต่อปี เบื้องต้นคาดปิดดีลได้เดือนก.ค. นี้  โดยจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ (Consolidate) ภายในไตรมาส 3/64 เป็นต้นไป  ซึ่งนับเป็นอีกย่างก้าวสำคัญของการขยายธุรกิจสู่นายหน้าประกันชีวิต พร้อมเสริมแกร่งธุรกิจนายหน้าประกันภัย   ผลักดันยอดขายปี 69 แตะ 50,000 ล้านบาท 


ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 64  กำไรสุทธิ 201.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.4% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ทำสถิติสูงสุด All Time High) ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้รวมแตะ 845.6 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้ค่าบริการ จำนวน 828.8 ล้านบาท ซึ่งมาจากยอดขายประกันภัยเกือบทุกประเภทเติบโตขึ้นในทุกช่องทาง โดยเบี้ยประกัน COVID-19 ทำได้ 200 ล้านบาท ขณะที่ช่องทางออนไลน์เติบโตก้าวกระโดดฐานลูกค้าพุ่งแตะ 1.5 ล้านราย หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 50% ของฐานลูกค้าทั้งหมด หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19  เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค หันมา Work Form Home และ ช็อปปิงออนไลน์ เพื่อหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน 


 ขณะเดียวกัน บริษัท ฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการปรับลดลงต่อเนื่อง 1.4% เหลือ 401.8 ล้านบาท จากการเดินหน้านำดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและประสิทธิผลงานด้านบริการ ส่งผลให้บริษัท ฯ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ได้ในระดับสูงที่ 51.5% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 189.6 ล้านบาท ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ในระดับ 23.8%  




ข่าวแนะนำ