TNN online ส่องหุ้นรับอานิสงส์ส่งออกฟื้น ตัวไหนงบแจ่ม-ราคาไม่แพง

TNN ONLINE

Wealth

ส่องหุ้นรับอานิสงส์ส่งออกฟื้น ตัวไหนงบแจ่ม-ราคาไม่แพง

ส่องหุ้นรับอานิสงส์ส่งออกฟื้น  ตัวไหนงบแจ่ม-ราคาไม่แพง

โบรกมองแนวโน้มธุรกิจเกษตรอาหาร-เวชภัณฑ์ยังปรับตัวโตต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจากการฉีดวัคซีนที่เริ่มกระจายมากขึ้น แต่หุ้นตัวไหนที่งบแจ่ม-ราคาแลกการ์ดตาม TNNONLINE ไปดูกันเลย

ส่งออกไทยเริ่มตีปีกอีกครั้งหลังจากการประกาศตัวเลขมี.ค.ที่ผ่านมาโตก้าวกระโดด 8.7% สูงสุดในรอบ 28 เดือนจากเศรษฐกิจคู่ค้าขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ และจีนที่ปรับตัวดีกว่าคาด หลังจากกระจายวัคซีนครอบคลุมประชากรมากขึ้นส่งผลต่อกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาคึกคัก ธุรกิจเริ่มเห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์ ความต้องการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นแม้ว่าภายในประเทศจะต้องเผชิญกับโควิด  แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกแม้แต่น้อย ทำให้หน่วยงานเศรษฐกิจหลายค่าย ทั้งจากภาครัฐและเอกชนต่างพาเหรดปรับเป้าหมายการส่งออกกันยกใหญ่ 


แต่หุ้นส่งออกตัวไหนที่น่าลงทุน ท่ามกลางส่งออกที่เริ่มผงกหัวและเป็นเป้าหมายของนักลงทุน ผู้คร่ำหวอดตลาดทุนอย่าง  "นายเอนกพงศ์ พุทธาภิบาล" ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส ฉายภาพให้ฟังว่า  ธุรกิจเกษตรอาหารได้ัรับผลดีต่อการส่งออกที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว แม้ว่าต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดโควิดทั่วโลก แต่สินค้าอุปโภค-บริโภคยังเป็นที่้ต้องการของตลาด 


ขณะที่เศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญในหลายประเทศเริ่มฟื้นตัว เช่น สหรัฐฯ เริ่มพลิกฟื้นเป็นบวกเห็นได้จากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาให้เห็นก่อนหน้านี้ เช่น ตัวเลขการว่างงานที่ลดลง ยอดค้าปลีกที่สูงขึ้น และการออกมาตรกากระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ


นอกจากนี้ในหลายประเทศเริ่มมีการกระจายวัคซีนให้กับประชาชทำให้คนกล้าใช้จ่ายส่งผลต่อกำลังซื้อและความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น  ขณะเดียวกันสินค้าที่โตท่ามกลางโควิด คือถุงมือยางราคาปรับตัวขึ้นมากจากความต้องการในตลาดโลกที่สูงแต่เชื่อว่าราคาที่ปรับขึ้นมามากในช่วงที่ผ่านมาอาจย่อตัวลงในช่วงครึ่งปีหลังหากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย 


ส่องหุ้นรับอานิสงส์ส่งออกฟื้น  ตัวไหนงบแจ่ม-ราคาไม่แพง


สำหรับหุ้นส่งออกที่เติบโตโดดเด่นและชื่อชอบมากสุดคือ TU ราคาเป้าหมาย 20 บาท เนื่องจากราคาทูน่ากระป๋อง กุ้ง และแซลมอลปรับตัวเพิ่มขึ้น  ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารของ Red Lobster ซีฟู้ดในสหรัฐฯกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังคลายล็อกดาวน์หนุนรายได้เติบโต  ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q64 เท่ากับ 1.4 พันล้านบาท จะอ่อนตัวจากช่วง low season แต่เห็นการเติบโตกว่า

38.5% YoY จากแนวโน้มส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมฟื้นตัว เพราะเป็นช่วง high season ของธุรกิจ Red Lobster


ขณะที่คาดกำไรสุทธิทั้งปี 2564 อยู่ที่ 6.39 พันล้านบาทจะเพิ่มขึ้น 2.3% yoy จากธุรกิจทูน่ากระป้องอาหารสัตว์เลี้ยงยังดีต่อเนื่อง ธุรกิจอาหารแช่เย็นและแช่แข็ง (กุ้งและแซลมอน) จะฟื้นตัว รวมถึงคาดธุรกิจ Red Lobster จะขาดทุนลดลงในปี 2564 จากการปรับกลยุทธ์ โดยเน้นขายอาหารกลับบ้านและเน้นควบคุมค่าใช้จ่ายมากขึ้นประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 64 เท่ากับ 20 บาท มี Upsideประมาณ 30% ถือเป็นโอกาสสะสม


หุ้นเด่นถัดมาคือ CPF ราคาเป้าหมาย 42 บาท เนื่องจากราคาสุกรปรับขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 64 ราคาสุกรหน้าฟาร์มเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 78.3 บาทต่อกก. ปรับเพิ่มขึ้น 9.5% YOY สูงกว่า สมมุติ ฐานราคาสุกรหน้าฟาร์มปี 64 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 70 บาทต่อกก. นอกจากนี้ราคาสุกรที่ปรับเพิ่มขึ้นในไทย จีน และเวียดนาม ปรับขึ้นต่อเนื่อง  และจากปัญหาสุกรขาดแคลนในภูมิภาคเอเชียจากการระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกาถือเป็นผลบวกต่อธุรกิจฟาร์มสุกรของ CPF คาดกำไรสุทธิงวด 1Q64  6.9 พันล้านบาท  เพิ่มขึ้น 8% QOQ และ 13.3% YOYจากะธุรกิจในไทยฟื้นตัว แต่คาดว่ากำไรจากบริษัทร่วมงวด 1Q64 เพิ่มขึ้น 68.8%  QOQ และ 86.6% YOY ผลบวกจากการรวมส่วนแบ่งกำไรจาก CTI (ธุรกิจอาหารสัตว์และสุกรในจีน) 


อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิปี64 จะอยู่ที่  25,649  ล้านบาท  ลดลง 1.4% YOYแต่ถือว่ายังอยู่ระดับสูง โดยประเมินแนวโน้ม gross margin ปี 64 อ่อนตัวลงมาที่ 15.2%  ซึ่งเป็นการประเมินแบบระมัดระวังจากแนวโน้มราคาวัตถุดิบกากถั่วเหลืองสูงขึ้น แต่เชื่อว่าปัญหาสุกรที่ขาดแคลนและช่องทางการจำหน่ายขายสินค้าผ่านโลตัสมากขึ้นจะทำให้กำไร2Q64 สูงขึ้น ปันผล 2-3% 


ตามติดด้วยหุ้น STGT ราคาเป้าหมายที่ 65 บาท โดยมองแนวโน้มกำไรเติบโตดเด่นใน 1Q64คาดกำไรสุทธิงวด 1Q64  จะเดินหน้าทำ New high ต่อเนื่อง จากการปรับเพิ่มราคาขายได้ถึง 20%  QOQ สะท้อนปัญหาถุงมือยางขาดแคลนที่ยังรุนแรง นำไปสู่การเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 64-65 ขึ้นเฉลี่ย 26%ราคาหุ้นมี PER เพียง 4 เท่าและคาดหวังปันผลได้กว่า 11% ยังแนะนำซื้อคาดกำไรสุทธิ 1Q64 ขึ้นทำ New high เป็นไตรมาสที่ 4


ขณะที่กำไรสุทธิงวด 1Q64 อยู่ที่ 1  หมื่นล้านบาท คิดเป็น 41% ของประมาณการกำไรสุทธิปี  64 ก่อนปรับปรุง เพิ่มขึ้นถึง 19.8% QOQ  จากแนวโน้มราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยงวด 1Q64 ปรับเพิ่มขึ้น 20.0% QOQ มาที่ 2.29 บาท/ชิ้น ขณะที่คาดปริมาณขายถุงมือยางงวด 1064 ลดลง 2.3% 909 (แต่เพิ่มขึ้น 11.5% yoy) จากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน ทั้งนี้ คาด STGT จะบันทึกคำใช้จ่ายพิเศษราว 60 ล้านบาทจากเหตุเพลิงไหม้ส่วนต่อขยายโรงงานสุราษฎ์ธานี 2 ซึ่งคาดว่าจะบันทึกเงินประกันเข้ามาในงวด 2Q64 และคาดโรงงานดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการผลิตได้เต็มที่ในพ.ค. 64


อย่างไรก็ตาม ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี  64 ขึ้น 24.3% ปี 65 ขึ้น 27.5% จากเดิม จากการปรับเพิ่มสมมติฐานราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยปี 64-65 ขึ้น 27.2% โดยภายหลังปรับเพิ่มประ มาณการ คาดกำไรสุทธิปีนี้ จะเพิ่มขึ้นถึง 114.5 % yoy จากแนวโน้มราคาขายและปริมาณขายถุงมือยางเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิงวด 2Q64 จะยืนสูงต่อเนื่องจากงวด 1Q64 ส่วนกำไรสุทธิปี 65 จะลดลง 37.7 % yoy จากแนวโน้ม ราคาขายถุงมือยางปรับลดลง 33.5% yoy  Valuation น่าสนใจ พร้อมปันผลกว่า 11%  


ปิดท้ายหุ้น NER ปรับราคาเป้าหมายเป็น 7.50 บาท มองเป็นหุ้นที่น่าสนใจในปี 64คาดกำไรสุทธิงวด 1Q64 เท่ากับ 312 ล้านบาท (สูงกว่าที่ คาดไว้เดิมถึง 25% และคิดเป็น 30% ของประมาณการกำไสุทธิที่ประเมินไว้ก่อนปรับปรุง) คาด Gross marginงวด 1Q64 จะปรับเพิ่มขึ้นสู่ 12.2% จากทิศทางราคาขายยางพาราเฉลี่ยงวด 1064 ที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลบวกต่อประสิทธิภาพการทำกำไรในงวด 1Q64 คาดกำไสุทธิปี  64-65 จะเพิ่มขึ้นถึง 47.5 % yoy และ13.3% yoy จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราและทิศทางราคายางพาราเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจโลกกำหนด FV ปีนี้ 64 เท่ากับ 7.50 บาท อิง PER 10 นอกจากนี้ ยังสามารถคาดหวัง Dividend yield ได้กว่า 5% ต่อปี

ข่าวแนะนำ