แนวโน้มต้นทุนหุ้นกู้ใหม่เอกชนปี 2564 สูงขึ้น
ทีเอ็มบีห่วง มองแนวโน้มต้นทุนหุ้นกู้ใหม่เอกชนปี 2564 สูงขึ้น เผชิญดอกเบี้ย- การแข่งขันสูง จับตาการออกโรลโอเวอร์หุ้นกู้ของกลุ่มอสังหา-การเงิน เรตติ้งต่ำ และไม่มีเรตติ้ง อาจไม่รุ่ง
วันนี้ ( 15 เม.ย.64) นายนริศ สถาผลเดชา เจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ธนาคารทหารไทย หรือ TMB Analytics เปิดเผยว่า แนวโน้มการออกหุ้นกู้เอกชนปี 2564 จะมีความเสี่ยงที่ต้นทุนการออกหุ้นกู้เอกชน จะมีต้นทุนที่สูงขึ้นมาก เพราะหากดูอัตราผลตอบแทน(บอนด์ยิลด์) ปัจจุบันพบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 1.50% หากเทียบกับ ต้นปี 2563 รวมถึงเครดิตสเปรดที่ปรับตัวขึ้นสูง มาอยู่ที่ราว 400 Bsp หรือ 4% หากเทียบกับก่อนเกิดโควิด-19 ที่อยู่เพียงระดับ 3%
ดังนั้นผู้ออกหุ้นกู้ใหม่จะต้องเผชิญกับ ต้นทุนในการออกที่สูงขึ้นมาก อีกทั้ง สิ่งที่น่ากังวลคือ หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดอายุในปีนี้ จะสามารถ โรโอเวอร์ได้หรือไม่ ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง และหลายธุรกิจเกิดปัญหามากขึ้น ซึ่งหากดูหุ้นกู้ที่ครบกำหนดปีนี้ ทุกประเภทพบว่า อยู่ที่ 7.33 แสนล้านบาท ในกลุ่มนี้มีหุ้นกู้ที่เรตติ้งดี Investment Grade ที่ 5.79 แสนล้านบาท
ขณะที่มีหุ้นกู้เรตติ้งต่ำ Non investment Grade ที่ราว 7 หมื่นล้านบาท และแบ่งเป็นหุ้นกู้ที่มีการจัดอันดับ หรือไม่มีเรตติ้ง ที่ 8.4 หมื่นล้านบาท อีกทั้ง หากดูหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด ในแต่ละเซกเตอร์ พบว่ามากที่สุด คือ อยู่ในภาคการเงิน และภาคอสังหาริมทรัพย์ มีสูงถึง 3.7 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นถึง 65% ของหุ้นกู้ทั้งหมดที่จะครบกำหนดในปีนี้ ดังนั้นสิ่งที่ต้องจับตาคือ การออกโรลโอเวอร์หุ้นกู้ของกลุ่มอสังหา และธุรกิจการเงิน โดยเฉพาะกลุ่มที่เรตติ้งต่ำ และไม่มีเรตติ้ง โดยเฉพาะในภาคอสังหาและก่อสร้าง ที่พบว่ามีหุ้นกู้เรตติ้งต่ำและไม่มีเรตติ้งสูงถึง 5.5 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจการเงิน มีสูงถึง 4 หมื่นล้านบาท ดังนั้นต้องจับตา ว่าอาจมีหุ้นกู้ที่อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการโรลโอเวอร์ได้ยากขึ้น หรือโรลโอเวอร์ไม่ได้ บวกกับต้นทุนการออกที่เพิ่มขึ้นที่เป็นภาระต่อผู้ประกอบการมากขึ้นด้วย อาทิ ดอกเบี้ยสูง การแข่งขันกันออกกับกลุ่มที่รีไฟแนนซ์