โบรกเฟ้น 6 หุ้นเด่น เน้นธีมเปิดประเทศ-ปัจจัยบวกเฉพาะ

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า   หุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่ง  Sideways รอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากรัฐ ประเมิน แนวรับ 1,560 จุด และแนวต้าน 1,585 จุด เน้นสะสมหุ้นเด่นในช่วง 2064 โดยวันนี้แนะนำ  BBL , IRPC, MAJOR, PLANB, SPALI  แต่ที่ชื่นชอบสุดคือ SPALI คาดกำไรป 64 คาดเติบโต 38%ดีที่สุดในอุตสาหกรรม โดยรายได้ /กำไรรายไตรมาสจะขยายตัวดีต่อเนื่องจาก Backlog ที่รอรับรู้รายได้อยู่ในระดับสูง ผสาน Upside risk จากการขายสำนักงานให้กับกองทรัสต์SPALIRT ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ และมาตราการอสังหาใหม่จากรัฐบาลเป้าหมายเชิวกลยุทธ์ 24.50 บาท

ตามติดด้วย MAJOR   คาดแนวโน้มกำไรจะค่อยๆปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับโอกาสในการเปิดประเทศ และมี Pent-Up demandผสานกับหนังที่จะเข้าอายน่าสนใจมากขึ้น เช่น Fast 9, Black widow,Mortal Combat และเรื่อง Godzillavs. Kong ที่พึ่งเข้าฉายวานนี้ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24.50 บาท

ด้านบล.เอเซียพลัสชู 3 หุ้นเด่นคือ   STEC ([email protected])  กระแสความคืบหน้าการลงทุนภาครัฐเริ่มชัดเจนอีกครั้งภายหลังภาครัฐระบุว่ามีแผนเดินหน้าลงทุนโครงการต่างๆ เช่น โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ระยะที่ 2 วงเงิน 84,361 ล้านบาท ที่จะเสนอให้ ครม. พิจารณาอนุมัติ ในวันที่ 9 มี.ค. 2564 นี้ปี 2564 จะรับรู้รายได้งาน margin สูงอย่างโรงไฟฟ้าIPP 3 แห่งของ GULF รวมถึงงานต่อเนื่องโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ชมพู เหลือง โดย Backlog รองรับรายได้ 3 ปีข้างหน้า พร้อมโอกาสรับงานเพิ่มจากโครงการรัฐทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟสีส้มม่วงใต้ และสีชมพูพื้นฐานแข็งแกร่งทั้ง Backlog และฐานะการเงิน ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขายบน Historical PBV-2SD ประเมิน FVอิง PER 24 เท่า ให้ราคาเหมาะสม 18 บาท

หุ้นเด่นถัดมาเป็น MAJOR ([email protected]) ฤดูกาลหนังกลับมาอีกครั้งอุตสาหกรรมโรงหนังทั่วโลกกำลังเข้าสู่โหมดฟื้นตัว โดยตัวเลข Box office ในสหรัฐฯดีขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเดือนมี.ค. ทำยอดขายตั๋วเฉลี่ยราวสัปดาห์ละ 20 ล้านเหรียญเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ. และ ม.ค. ที่ทำได้เฉลี่ยสัปดาห์ละ11 ล้านเหรียญ และ 13 ล้านเหรียญ ตามลำดับคาดว่ายอดขายตั๋วและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องจะฟื้นตัวโดดเด่นตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นไป จากหนังดังที่พร้อมจะสร้างปรากฏการณ์ อาทิเช่น Gozilla VS Kong, BlackWidow, Fast 9 เป็นต้น ทำให้ผลประกอบการใน 2Q64น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่นทั้ง QoQ และ YoYประเมิน FV ที่ 24 บาท อิงวิธี PER 24x (ค่าเฉลี่ย+1S.D.) มี Upside สูง 15% แนะนำ "ซื้อ" 

หุ้นเด่นปิดท้ายคือ BBL ([email protected])  มองสินเชื่อปีนี้ ขยายตัว 3% - 4% yoyขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL)คาดการณ์ลดลงมาที่ 2.2 หมื่นล้านบาท จาก 3.1 หมื่นล้านบาทในปี 63 ถือว่าเข้าสู่เส้นทางของการฟื้นตัวที่แท้จริงสำหรับคุณภาพสินทรัพย์ ธนาคารฯ คาด NPL Ratioณ สิ้นปีนี้จะอยู่ในกรอบไม่เกิน 4.5% จาก 3.9% ณสิ้นปี 63 จากสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวโดย ธ.พ. มี Coverage Ratio ณ สิ้นงวด 4Q63 ที่181.6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 150%แนวโน้มกำไรปี 2564 ฟื้นตัวจากฐานต่ำปีก่อน ด้านราคาหุ้น BBL ยังคง Laggard SETBANK และหุ้นธพ.อื่นๆอยู่มากพอสมควร

ด้านบล.ไทยพาณิชย์มองว่า  SET ยังพักตัวแบบ sideways โดยตลาดขาดปัจจัยใหม่กำหนดทิศทาง ส่วนปัจจัยเดิมบวกลบคละเคล้า โดยตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัว และดอลลาร์ชะลอตัว รวมถึงราคาน้ำมันฟื้นตัวเป็นบวกต่อดัชนี แต่ bond yield สหรัฐ ที่เริ่มเร่งตัวขึ้น เป็นปัจจัยถ่วงดัชนี ด้านแนวโน้ม SET มองกรอบบนจำกัดที่ 1,580-1,585 จุด และจะอ่อนตัวมาที่กรอบล่างบริเวณ 1,560 จุดอีกครั้ง กลยุทธ์ พอร์ตลงทุนหลักรอเข้าซื้อเฟสแรก 25% แถว 1,450-1,470 จุด ส่วนพอร์ตเก็งกำไรให้ Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

ท้้งนี้เนื่องจากมอง SET มี upside จำกัด และมีความเสี่ยงขาลง แนะนำ 1. หุ้นกลุ่ม defensive เป็นที่พักเงิน คือ กลุ่ม ICT : ADVANC กลุ่มการแพทย์ขนาดกลาง : BCH ,CHG หุ้นโรงไฟฟ้า : BGRIM,GPSC, GULF 2. หุ้น mid-small cap แนวโน้มกำไร 1Q64 โตเด่น YoY หรือ turnaround STARK, TWPC, SISB ,TNP, WICE 3. หุ้นกระแส EV, clean energy : EA

อย่างไรก็ตาม หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ GULF (ราคาเป้าหมาย 38.00 บาท) คาดกำไรปกติปี 64 โต 84%YoY จากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีของกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในปี 63  รวมทั้งมีรายได้เงินปันผลจาก INTUCH ที่เพิ่มขึ้น ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น และแนะนำ TNP คาดกำไร 1Q64 ทำจุดสูงสุดใหม่ จากอานิสงส์มาตรการภาครัฐ ฐานะการเงินแข็งแกร่ง