TNN online ‘ร้านโชห่วย’ ยอดขายพุ่ง 200% หวั่นกลางปีสะดุด

TNN ONLINE

Wealth

‘ร้านโชห่วย’ ยอดขายพุ่ง 200% หวั่นกลางปีสะดุด

‘ร้านโชห่วย’ ยอดขายพุ่ง 200% หวั่นกลางปีสะดุด

สมาคมค้าส่ง-ค้าปลีกไทระบุร้านโชห่วยยอดขายพุ่ง 200% แต่ห่วงกลางปีสะดุดหนัก หลังพบพฤติกรรม คนรีบใช้เงิน เราชนะแห่ซื้อของตุนยาวถึงสิ้นปี

วันนี้ ( 16 มี.ค. 64 )นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า นับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มดำเนินโครงการเราชนะ แจกเงิน7,000บาทให้ประชาชนไปใช้จ่ายเมื่อเดือนก.พ.64ได้ส่งผลดีต่อระบบร้านค้าปลีกของไทยอย่างมาก ทำให้ร้านขายส่งยี่ปัวะ และร้านโชห่วยกว่าหมื่นรายทั่วประเทศมียอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะร้านไหนที่มีการทำการตลาด จัดโปรโมชัน และมีสินค้าให้เลือกซื้อเยอะก็มียอดขายเติบโตถึง100-200%ทีเดียว แต่ในทางกลับกันร้านไหนที่ไม่ได้เข้าร่วมก็มียอดขายตกลงอย่างชัดเจน โดยสินค้าที่ประชาชนนิยมซื้อส่วนมากเป็น ข้าวสาร ปลากระป๋อง น้ำหวาน ขนมขบเขี้ยว

          

อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากังวลต่อจากนี้ คือปัญหากำลังซื้อหยุดชะงัก เพราะหากหมดโครงการเราชนะไปแล้วจะทำให้ยอดขายของร้านค้าหดหายไป หลังประชาชนที่ได้รับสิทธิเราชนะกว่า30ล้านคน และที่กำลังได้รับสิทธิ ม.33เรารักกันอีกเกือบ10ล้าน กลัวจะใช้เงินไม่ทันจึงทำให้หลายครัวเรือนมีการเร่งซื้อสินค้าไปเก็บสำรองไว้จำนวนมากเช่น ซื้อข้าวสารเก็บไว้เป็น10กก. ซื้อแชมพู สบู่ ยาสีฟันมากกว่าความต้องการ ซึ่งบางครอบครัวก็มีของพอใช้ไปถึงสิ้นปีนี้ด้วยซ้ำ

                    

ดังนั้นอยากเสนอให้รัฐบาลขยายระยะเวลาการใช้จ่ายเงินภายใต้โครงการเราชนะ และ ม33เรารักกันออกไป จากเดิมสิ้นสุดภายในเดือนพ.ค.64นี้ ออกไปอีก1-2เดือนจนถึงเดือนมิ.ย.-ก.ค.64เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถนำเงินที่ได้มาทยอยจับจ่ายใช้สอยได้ ซึ่งจะช่วยประคองกำลังซื้อให้ยาวขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่ได้มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ผู้สูงอายุ รวมถึงคนที่ได้รับสิทธิจากม33เรารักกัน ซึ่งจะทยอยได้รับเงินช่วงกลางเดือนมี.ค.64ก็จะเหลือเวลาใช้เงินเพียงแค่2เดือนเศษๆ เท่านั้น รัฐจึงไม่ควรจำกัดเวลาไว้ถึงแค่เดือนพ.ค.64

          

ส่วนมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในระยะถัดไป ยังสนับสนุนให้รัฐบาลทำออกมาโดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งระยะ3ซึ่งถือเป็นโครงการที่ดีที่จะช่วยกระตุ้นเงินจากคนที่มีกำลังซื้อออกมาใช้จ่ายได้ด้วย แต่รัฐควรหยุดเยียวยาแจกเงินให้เปล่าได้แล้ว เพราะไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจพึ่งพาตัวเองได้เลย โดยหากรัฐบาลต้องการแจกเงินก็ควรออกแบบมาตรการเชิงสร้างงาน หรือส่งเสริมให้คนมีความรู้ เพื่อออกมาทำมาหากิจ หรือประกอบธุรกิจตัวเองได้ เช่น เข้ามาทำงานกับรัฐและได้รับเบี้ยเลี้ยง เป็นต้น

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง