TNN online 2 โบรกประสานเสียงซื้อHMPRO คาดกำไรโตเด่น

TNN ONLINE

Wealth

2 โบรกประสานเสียงซื้อHMPRO คาดกำไรโตเด่น

2 โบรกประสานเสียงซื้อHMPRO คาดกำไรโตเด่น

เมย์แบงก์กิมเอ็ง-หยวนต้ามองหุ้น HMPRO ฟื้นตัว คาดกำไรกลับมาเติบโตโดดเด่นไตรมาส 2Q64 หลังนำเข้าสินค้าHouse brand จากจีน-รุกขยายช่องทางขายสินค้าเพิ่ม เตรียมเปิดสาขาใหม่ 2 แห่งในไทย-มาเลเซีย

รายงานข่าวจากบล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แจ้งว่า  HMPRO มีโอกาสเติบโตในไตรมาส 1/64 ได้ปรับคำแนะนำจาก Trading Buy เป็นซื้อราคาเป้าหมาย (DCF) 16 บาท โดยการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม(Same Store Sale Growth ; SSSG) 2เดือนแรกติดลบน้อยลง และคาดว่าจะดีขึ้นในเดือน มี.ค. เป็นต้นไป เนื่องจากฐานต่ำในปี ก่อนที่มีการล็อกดาวน์ เราคาดว่ากำไร 1Q64 มีโอกาสกลับมาเติบโต YoY และจะดียิ่งขึ้นใน 2Q64 จากอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวหลังจากสินค้า House brand นำเข้าจากจีนได้มากขึ้น อีกทั้งประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงขึ้น 


ขณะที่ราคาหุ้น underperformเมื่อเทียบกับกลุ่ม โดยลดลง 1% YTD ส่วน DOHOME +50%, GLOBAL +29% โดย HMPRO เทรดที่ PE 29 เท่า, DOHOME 42 เท่า และ GLOBAL 39 เท่า กำไร 4Q63 ลดลง 12% YoY ตามคาดกำไรเพิ่มขึ้น 10% QoQ จากไฮซีซั่น แต่ลดลง 12% YoY เป็น 1,545 ล้านบาทใกล้เคียงกับที่เราคาด ยอดขายลดลง 5%  YoY จาก SSSG ชะลอลงเป็น-6.3% (เทียบกับ-3.7% ใน 3Q63 และ-3% ใน 4Q62) จากฝนตกหนักในเดือนต.ค. 


พร้อมทั้งได้รับผลกระทบส่วนหนึ่งจากการปิดสาขามหาชัย และ ระยอง ช่วงปลายเดือน ธ.ค. จากการระบาดของโควิด-19 อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากการปรับงบการเงินโดยย้ายค่าใช้จ่ายบางประเภทไปบันทึกในต้นทุน อีกทั้งสัดส่วนสินค้า Private brand ลดลง เนื่องจากปัญหาการขนส่งสินค้าจากจีน กำไรปี2563 ลดลง 17% เป็น 5,155 ล้านบาท เงินปันผล 2H63 เท่ากับ 0.20 บาท/หุ้น(XD 22 เม.ย.) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนครึ่งปี1.5%กำไร 1Q64 มีโอกาสเติบโต YoYก่อนจะฟื้นตัวสูงใน 2Q64


ส่วน SSSG ม.ค.-ก.พ. ติดลบประมาณ2-3% ซึ่งน้อยลงจาก-6.3% ใน 4Q63 เราคาดว่าSSSG ติดลบน้อยลงในเดือน มี.ค. เนื่องจากฐานต่ำในปีก่อนที่มีการปิดโฮมโปร 66สาขาในช่วงล็อกดาวน์ 22-31 มี.ค. ซึ่งทำให้ SSSG 1Q63 เป็น-6.1% อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าทรงตัว YoY จากการที่สัดส่วนสินค้า House brand ยังไม่ปกติเนื่องจาก ปัญหาการขนส่ง ซึ่งคาดจะมีการน าเข้าสินค้าได้มากขึ้นใน 2Q64 ประกอบกับ SSSG2Q64 จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะจากฐานต่ำในปี ก่อนที่-17% จากการล็อกดาวน์ปีนี้ฟื้นจาก ทั้ง SSSG และอัตรากำไร ผู้บริหารตั้งเป้า SSSG ปีนี้ใกล้GDP หรือมากกว่าเล็กน้อย


 โดยลูกค้า HMPRO 80%เป็นกลุ่มบ้านเก่าซึ่งปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5% เป็น 27.6 ล้านหน่วย อัตรากำาไรขั้นต้นคาดจะเพิ่มขึ้น 30-40 bps จากการเพิ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และเพิ่มประสิทธิภาพดำเนินงาน ปีนี้จะเปิดโฮมโปร 1 สาขา และมาเลเซีย 1 สาขา ซึ่งมาเลเซียมีแนวโน้มขาดทุนลดลง HMPRO ยังเน้นธุรกิจออนไลน์ด้วยเป้าหมาย 5% ของยอดขาย (ก่อนโควิดมีสัดส่วน1%) นอกจากนั้น เริ่มทำธุรกิจออนไลน์ในเวียดนามในปลาย มี.ค.และจะไปเปิดสาขาภายหลัง เราคาดยังไม่มีผลกระทบที่มีนัยยะแต่เป็นโอกาสเติบโตระยะยาว


ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย)มองว่า HMPRO แนวโน้มฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยตั้งเป้า SSSG พลิกกลับมาเป็นบวก 2-4% YoYใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตของ GDP ของปี 64 โดย SSSG YTD ติดลบบางๆ 2-3% เนื่องจากผลกระทบ

ที่ต่อเนื่องจาก COVID-19 รอบที่2 ขณะที่ SSSG ของ MAGAHOME ทรงตัว และ SSSGประเทศมาเลเซีย ยังติดลบผลจากการล็อกดาวน์เนื่องจากยังมีความกังวลต่อการแพร่ระบาด โดยบริษัทคาด SSSG จะพลิกเป็นบวกชัดเจนใน 2Q64 เนื่องจากฐานต่ำ (SSSG2Q63-17%YoY) สำหรับใน 2H64 คาดหวังกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยกลับมา 


นอกจากนี้มีแผนเปิดสาขา Size ใหญ่ 2 แห่ง เปิด 1 แห่งในประเทศที่ ถนนบางนา-ตราดในช่วง2H64และ อีก 1 แห่งที่ประเทศมาเลเซียใน 1Q64 ทำให้ ณ สิ้นปี  64 HMPRO จะมีสาขาMPRO 87 สาขา HMPRO S 9 สาขา MAGAHOME 14 สาขา และ HMPRO Malaysia7 สาขา


ขณะเดียวกันเตรียมบุกตลาดในประเทศเวียดนาม  โดยเน้นขายสินค้า Soft Line ซึ่งเป็นสินค้า Private Brand ที่มีมาร์จิ้นดีเป็นการทดลองตลาด ขายผ่าน Market Place (Shopee and Lazada) รวมถึงการขายสินค้าผ่าน online คาดได้รับการตอบรับดีจากพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศเวียดนามที่สนใจสินค้าที่ผลิตโดยเฉพาะในประเทศไทย คาดหวังการเติบโตจาก GPD Growth ของเวียดนามปี 2564 ที่6.5% ถือว่าเป็นตัวเลขที่เติบโตดีเมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียง รวมถึงประชาชนส่วนใหญ่ยังเป็นรุ่นใหม่วัยทำงานจะมีกำลังซื้อที่ดีจะช่วยหนุนยอดขาย ทั้งนี้หากยอดขายทำได้ดีและเป็นที่ตอบรับของตลาด บริษัทมีโอกาสตั้งเป็นสาขาในอนาคต


อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อยู่ระหว่างพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย Omni Channel ให้แข็งแรง จากสัดส่วนรายได้ในปี 63 ที่ปรับเพิ่มเป็น 5% จาก 1% ในปีก่อนหน้าที่เกิด COVID-19 ซึ่งช่องทางดังกล่าวค่อนข้างได้รับการตอบรับดีในทุกรูปแบบ ทั้งใน Mobile App ทั้ง Home pro App ,Home Service App รวมถึง Click& Collect Same day Next day ลูกค้าสามารถ มารับสินค้าได้ในเวลาที่ต้องการโดยการสั่งสินค้าผ่าน Mobile ดังกล่าว ซึ่งเป็นช่องทางเลือกของลูกค้าอีกช่องทางและเป็นส่วนเพิ่มของรายได้ในอนาคตของ HMPRO ที่ได้รับความนิยม


ทั้งนี้แนะนำ “เก็งกำไร” คาดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขายตั้งเป้าขายสินค้าผ่าน Omni  channel ราว 5% และมีโอกาสที่สัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นจาก พฤกติกรรมของผู้บริโภคที่ เปลี่ยนแปลงไป คาดผลประกอบการในปี 64 ฟื้นตัวขึ้นจาก COVID-19 ทั้งรายได้และมาร์จิ้น (ทำได้ดีขึ้นจากสินค้า Private Brand ที่ดีขึ้นหลังปัญหากำลังการผลิตที่จำกัดและการขนส่งสินค้าจากต่างประเทศคลี่คลาย บริษัทคาดทำได้เพิ่มอีกราว 30 bps บริษัทตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้กลับไปที่ 20%จาก 19.5%ในปี 63 ) เราประมาณการค่อนข้างอนุรักษ์นิยม กำไรสุทธิของปีราว 5.4 พันล้านบาท +6%YoY ราคาเหมาะสมปี 64 ที่ 16.40 บาท ส่วนปัจจัยเสี่ยง ประเด็นติดตามคือการระบาดของ COVID-19 ที่คลี่คลาย ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวช่วยให้กำลังซื้อกลับมา


ข่าวฮิตติดแท็ก

ข่าวแนะนำ