TNN online หลายปัจจัยหนุนทองต่อ เข้าซื้อทองเดือนพ.ย. ขายออกเดือนม.ค.

TNN ONLINE

Wealth

หลายปัจจัยหนุนทองต่อ เข้าซื้อทองเดือนพ.ย. ขายออกเดือนม.ค.

หลายปัจจัยหนุนทองต่อ เข้าซื้อทองเดือนพ.ย. ขายออกเดือนม.ค.

สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,970 ดอลลาร์ และ 1,950 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,010 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,020 ดอลลาร์

สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำมีแรงเทขายออกมา แต่ก็มีแรงซื้อกลับ ทำให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวไม่ไกล 2,000 ดอลลาร์ ซึ่งราคาทองคำยังมีแรงหนุนหลายปัจจัยที่อาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ในระยะ 2-3 เดือนนี้


ปัจจัยแรก เฟดยุติการขึ้นดอกเบี้ย สัปดาห์ก่อนเฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเท่าเดิม 5.25%-5.50% ซึ่งเฟดจะมีการประชุมครั้งต่อไปในเดือนธ.ค. เราคาดว่าเฟดไม่น่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ นั่นหมายความว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25%-5.50% ยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้ และจนถึงช่วงกลางปีหน้า หลังจากที่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งหมด 11 ครั้งนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2565 แต่สิ่งที่ต้องจับตา ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยเฉพาะตัวเลขตลาดแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ โดยอัตราเงินเฟ้อในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทั้ง CPI PPI และ Core PCE มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น นั่นอาจทำให้เฟดอาจตรึงดอกเบี้ยยาวนานขึ้น การยุติขึ้นดอกเบี้ยอาจเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อราคาทองคำ


ปัจจัยที่ 2 สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ที่ส่อแววยืดเยื้อ และหากสงครามขยายวงกว้าง โดยมีเลบานอนและซีเรียเข้ามาร่วมทำสงครามช่วยเหลือกลุ่มฮามาส เพื่อต่อสู้กับอิสราเอล คาดว่าราคาทองคำจะทะลุ 2,000 ดอลลาร์และอาจแตะ 2,020-2,050 ดอลลาร์ ส่วนกรณีถ้าเกิดสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน   กรณีนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากที่สุด แต่ถ้าเกิดขึ้นจะทำให้ราคาน้ำมันอาจจะพุ่งขึ้นแตะ 150 ดอลลาร์ คาดว่าราคาทองคำจะทำ All-time high ซึ่งในช่วงเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นแรงทำ All-time high แตะ 2,069 ดอลลาร์ในวันที่ 8 มีนาคม 2565

ปัจจัยต่อมา ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง ในปี 2565 ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำแบบโดดเด่นมากนับตั้งแต่ปี 2510 ซึ่งซื้อรวมกันมากถึง 1,136 ตัน หรือมูลค่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มทองคำสุทธิ 337 ตันในไตรมาส 3 และในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ธนาคารกลางซื้อทองคำสุทธิ 800 ตัน ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2565 ถึง 14% โดยจีนขึ้นนำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางจีนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สาเหตุหนึ่งมาจากการปรับเปลี่ยนนโยบายของจีนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง และลดสัดส่วนการถือสกุลเงินดอลลาร์ลง จีนกลายเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดในปีนี้ โดยมีการเข้าซื้อติดต่อกัน 11 เดือน และจีนได้เพิ่มทองคำอีก 78 ตันไตรมาส 3 ทั้งนี้ธนาคารกลางจีนได้เพิ่มทองคำขึ้นกว่า 181 ตันนับตั้งแต่ต้นปี และเพิ่มขึ้นกว่า 232 ตันนับตั้งแต่การกลับมาซื้อทองคำในเดือนพ.ย. 2565 ตามมาด้วยโปรแลนด์เข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 57 ตัน ขณะที่เพิ่มขึ้น 48 ตันในไตรมาส 2 โปรแลนด์ซื้อทองคำกว่า 105 ตัน ซึ่งสอดคล้องกับแผนการเพิ่มทองคำ 100 ตันของธนาคารกลางโปแลนด์และมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโปรแลนด์ต้องการเพิ่มทองคำเป็นทุนสำรองที่เป้าหมาย 20% จากทองคำสำรองปัจจุบันที่ 11% ทำให้ปีนี้จีน โปรแลนด์ และสิงคโปร์ มีการซื้อทองคำมากที่สุด ขณะที่รัสเซียประกาศแผนการที่จะซื้อสกุลเงินต่างประเทศและทองคำอีกครั้งเมื่อต้นเดือนส.ค. ส่วนประเทศไทยมีทองคำสำรองอยู่ที่ 244.16 ตัน ทองคำสำรองของธนาคารแห่งประเทศไทยมีมูลค่า 15.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.5 พันล้านดอลลาร์ จากสิ้นปี 2562 


ปัจจัยสุดท้าย แรงซื้อทองคำก่อนปีใหม่และก่อนเทศกาลตรุษจีน ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้ในช่วงเดือนธ.ค. ถึงเดือนม.ค.

สัปดาห์นี้คาดราคาทองคำจะเคลื่อนไหว Sideways อย่างไรก็ตามในระยะ 2-3 เดือนข้างหน้า คาดว่าราคาทองคำจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ หากต้องการลงทุนระยะที่ยาวขึ้น แนะนำเข้าซื้อทองคำเมื่อราคาทองคำปรับตัวลงในช่วงเดือนพ.ย.  และสามารถขายทองคำได้ในช่วงเดือนม.ค. สัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนก.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ของม.มิชิแกน (เบื้องต้น) นอกจากนี้ติดตาม การแถลงของประธานเฟด


หลายปัจจัยหนุนทองต่อ เข้าซื้อเดือนพ.ย. ขายออกเดือนม.ค.

 

Gold Bullish 

    ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย

    ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคาร

    ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส

    ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง

 

Gold Bearish 

    แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐอยู่ระดับสูงที่ยาวนานขึ้น

 

สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่  1,970 ดอลลาร์ และ 1,950 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,010 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,020 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 33,400 บาท และ 33,200 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 33,800 บาท และ 34,000 บาท

 

ธนรัชต์ พสวงศ์ 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง

 

#ราคาทองคำ #สหรัฐ #Governmentshutdown #สภาคองเกรส #ประธานาธิบดีโจไบเดน #อัตราดอกเบี้ย #เงินดอลลาร์สหรัฐ #อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่ง #spot #spdr #ค่าเงินบาท #ธนรัชต์พสวงศ์ #กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง #เงินดอลลาร์ #Bondyield #รีบาวด์ทางเทคนิค #การโจมตี #สงครามอิสราเอลฮามาส #กรุงเยรูซาเล็ม #ข้อพิพาท #สงคราม6วัน


ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์

• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD

———————————————————————

ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่ 

• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube

• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok

 

หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวแนะนำ