TNN online ผลสำรวจเผย "คนไทย" ติดตามข่าวจาก Tiktok เป็นอันดับ 1 ของโลก!

TNN ONLINE

Wealth

ผลสำรวจเผย "คนไทย" ติดตามข่าวจาก Tiktok เป็นอันดับ 1 ของโลก!

ผลสำรวจเผย คนไทย ติดตามข่าวจาก Tiktok เป็นอันดับ 1 ของโลก!

คนไทยติดตามข่าวจาก TikTok อันดับ 1 ของโลก มากกว่าสื่อแบบดั้งเดิม

สำนักข่าวรอยเตอร์ ออกรายงานประจำปีที่ชื่อว่า “Digital News Report 2023” พบว่า ผู้คนยังคงชอบเสพสื่อจากการอ่านมากกว่าดูและฟัง 

แต่บางประเทศ เช่น ไทยมีแนวโน้มชอบการดูมากกว่าอ่าน ทำให้ “TikTok” ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้สำนักข่าวแบบดั้งเดิมลำบาก เพราะคนรุ่นใหม่ให้ความเชื่อถืออินฟลูเอนเซอร์ และ สื่ออิสระ มากกว่า แม้ว่าข้อมูลเหล่านั้นจะมาจากสำนักข่าวก็ตาม

นอกจากนี้ในรายงาน ระบุว่า ในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงการใช้งานในโซเชียลมีเดียอย่างมีนัยสำคัญ อาทิ ความนิยมที่ลดลงของเฟซบุ๊ก (Facebook) และการมาถึงของติ๊กต็อก (TikTok) และ โซเชียลมีเดียอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมจากการเพิ่มฟีดเจอร์วิดีโอ

นอกจากนี้ ปัจจัยที่ทำให้ภูมิทัศน์ทางโซเชียลมีเดียทั่วโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มาจากสงครามยูเครนและการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลกับผู้เสพสื่อมากขึ้น

แต่จากการเก็บผลสำรวจทั่วโลก “เฟซบุ๊ก” ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุด แต่อิทธิพลของแพลตฟอร์มกลับลดน้อยลง

ขณะที่ประเทศแถบยุโรปและอเมริกาจะยังชอบอ่านมากกว่าฟังและดู แต่สำหรับบางประเทศกลับพบว่า การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้วยการดู ได้รับความนิยมมากกว่า โดยเฉพาะในไทยและฟิลิปปินส์

โดยการสำรวจ ส่วนใหญ่แล้วผู้คนยังชอบวิธีการอ่านมากที่สุด 57 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยการดู 30 เปอร์เซ็นต์ และฟัง 13 เปอร์เซ็นต์ 

แต่กลุ่มคนอายุต่ำกว่า 35 ปี มีแนวโน้มชอบฟังมากกว่าดู เนื่องจากการฟังข่าวสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างไปพร้อมกันได้ ตรงกันข้ามกับการดูที่ต้องโฟกัสเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

รอยเตอร์ยกตัวอย่าง “ประเทศไทย” โดยระบุเหตุผลหลักที่ทำให้คนรุ่นใหม่เลือกติดตามข่าวผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมากกว่าสำนักข่าวดั้งเดิม เป็นเพราะเสรีภาพในการนำเสนอ คนรุ่นใหม่มองว่า ช่องทางออนไลน์มีอิสระในการรายงานข่าวมากกว่า 

และในปีนี้ รอยเตอร์พบว่า สถิติการใช้ TikTok ในไทยกลับมาเติบโตอีกครั้งทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 ของโลก โดยกลุ่มคนที่ใช้งานมากที่สุด คือ กลุ่มวัยรุ่น ขณะที่กลุ่มอื่นๆ ยังชอบวิดีโอขนาดยาวทาง YouTube มากกว่า


ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE

ที่มาภาพ : AFP

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง