การคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจของเอเชียจะดีกว่าสหรัฐ และยุโรป จะส่งผลดีต่อทองคำ
![การคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจของเอเชียจะดีกว่าสหรัฐ และยุโรป จะส่งผลดีต่อทองคำ การคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจของเอเชียจะดีกว่าสหรัฐ และยุโรป จะส่งผลดีต่อทองคำ](/static/web/148992/fce970e9-cd3a-4acc-89a1-853d4040f591-600.webp)
แนวโน้มราคาทองคำในช่วงต้นสัปดาห์คาดเคลื่อนไหว Sideways up หลังจากเริ่มมีสัญญาณซื้อจาก Modified stochastic ในวันพฤหัสก่อน ระยะสั้นทองคำมีแนวต้านที่ 1,970 ดอลลาร์ แต่คาดว่าจะมีแรงเทขายออกมา แต่ถ้าผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านสำคัญที่ 1,983 ดอลลาร์
สัปดาห์ก่อนธนาคารกลางหลายแห่งได้มีการประชุมเกี่ยวกับนโยบายทางการเงิน ซึ่งก็ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐได้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00%-5.25% ในการประชุมครั้งนี้ แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% และส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมครั้งต่อไป ส่งผลให้ราคาทองคำมีความผันผวน จากตอนแรกราคาทองคำปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 เดือน หลังจากเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก แต่ดอลลาร์ก็กลับมาอ่อนค่า หนุนราคาทองคำ จากที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้น หลังผลการประชุมของ ECB
ทั้งนี้ การเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของ 2 ธนาคารกลางใหญ่นั้น สะท้อนมุมมองถึงเงินเฟ้อในยุโรปและสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปจะถูกบั่นทอนจากปัญหาเงินเฟ้อ ขณะที่เงินเฟ้อเอเชียนั้นเพิ่มขึ้นไม่ถึงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเงินเฟ้อของสหรัฐและยุโรป และปัญหาเงินเฟ้อของเอเชียไม่รุนแรงมากนัก และคาดว่าเงินเฟ้อของเอเชียได้แตะจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่มอร์แกนสแตนลีย์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเอเชียในปีนี้อาจจะขยายตัวมากกว่าสหรัฐและยุโรป โดยเฉพาะอินเดีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่นมีแนวโน้มเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ซึ่งทั้ง 3 ประเทศเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในเอเชีย ส่วนจีนนั้น แม้ว่าข้อมูลล่าสุดตัวเลขทางเศรษฐกิจจีนที่ออกมานั้นค่อนข้างอ่อนแอ ทำให้มีการคาดการณ์การเติบโตของ GDP จีนลดลงอยู่ระหว่าง 5.2%-5.7% จากที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 5.7%-6.3% ทำให้จีนมีแนวโน้มจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และเงินเฟ้อจีนก็อยู่ในระดับต่ำ โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนอุปสงค์ที่อ่อนแอในภาคผู้บริโภคและภาคเอกชน ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจจีนจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งสถิติความต้องการทองคำที่ผ่านมามักจะเคลื่อนไหวที่เป็นไปในทางทิศทางเดียวกันกับเศรษฐกิจจีน หากเศรษฐกิจจีนขยายตัวดีขึ้น ความต้องการทองคำจะมากขึ้น และหากเศรษฐกิจจีนอ่อนแอลง ความต้องการทองคำจากจีนก็ลดลง เนื่องจากจีนเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่ไตรมาส 2 นี้ความต้องการทองคำในจีนลดลง ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยด้านฤดูกาล นอกจากนี้ การคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจเอเชียที่อาจสูงกว่ายุโรปและสหรัฐในปีนี้ อาจส่งผลดีต่อทองคำ เนื่องจากเอเชียมีประเทศที่มีความต้องการทองคำรายใหญ่ในอันดับต้น ๆ ของโลก ได้แก่ จีนและอินเดีย ซึ่งทองคำมีความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ โดยจะเห็นว่าในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น เทศกาลตรุษจีน เทศกาลดิวาลีของอินเดีย รวมถึงการแต่งงานของคนอินเดีย มักจะมี gold demand ที่เพิ่มขึ้น ยิ่งเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง ความเป็นไปได้ของความต้องการทองคำอาจมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศอินเดียที่น่าจับตามองอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากมีอัตราการเติบโตในทุก ๆ ด้านที่ก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก จึงมีการคาดการณ์ว่าอินเดียอาจจะแซงจีนในทุกด้านอีกไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม Gold demand ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2565 ซึ่งมาจาก demand ด้านการทำเครื่องประดับ อุตสาหกรรม เทคโนโลยี การลงทุนที่ลดลง ขณะที่การบริโภคอัญมณีทั่วโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากด้านฝั่งประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นกว่า 11% ในไตรมาส 1/2566 ขณะที่อินเดียลดลงกว่า 17% ในไตรมาส 1/2566 ส่วนหนึ่งมาจากราคาทองคำในสกุลท้องถิ่นสูงขึ้น รวมถึงความต้องการทองคำแท่งและเหรียญก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในไตรมาสที่ 1/2566 จีนมีความต้องการทองคำแท่งและเหรียญเพิ่มขึ้กว่า 34% ขณะที่อินเดียลดลงกว่า 17% นอกจากนี้ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าสะสมทองคำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเข้าสะสมทองคำเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้กว่า 228.4 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 176% ที่ 82.7 ตันในไตรมาสแรกปี 2565
แนวโน้มราคาทองคำในช่วงต้นสัปดาห์คาดเคลื่อนไหว Sideways up หลังจากเริ่มมีสัญญาณซื้อจาก Modified stochastic ในวันพฤหัสก่อน ระยะสั้นทองคำมีแนวต้านที่ 1,970 ดอลลาร์ แต่คาดว่าจะมีแรงเทขายออกมา แต่ถ้าผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านสำคัญที่ 1,983 ดอลลาร์ ส่วนสัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยการอนุญาตก่อสร้างบ้านและการเริ่มก่อสร้างบ้านเดือนพ.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจเดือนพ.ค. โดย conference Board ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมิ.ย. และดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ติดตามการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของประธานสภาต่อสภาคองเกรส
Gold Bullish
ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย
ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคาร
Gold Bearish
การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดต่อไป
สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,940 ดอลลาร์ และ 1,930 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,970 ดอลลาร์ และแนวต้าน 1,983 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 32,000 บาท และ 31,900 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 32,400 บาท และ 32,500 บาท
ธนรัชต์ พสวงศ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์
• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD
———————————————————————
ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok
หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O