เศรษฐกิจโลกจะชะลอลงในปี 2023 โดยยุโรปจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากวิกฤตพลังงาน สหรัฐผันผวน ขณะที่จีนฟื้นตัว
เศรษฐกิจของจีนมีศักยภาพมากที่สุดที่จะขยายตัวเกินคาดในปี 2023 เนื่องจากในปี 2022 เศรษฐกิจจีนได้รับความ เสียหายอย่างมากจากนโยบาย Zero covid และวิกฤตอสังหาฯ
ในช่วงเกือบปีที่ผ่านมา ตลาดการเงินตกต่ำด้วยปัจจัยลบ 3 ประการ คือ
(1) อัตราเงินเฟ้อที่สูงของของ อเมริกา
(2) วิกฤตพลังงานของยุโรปคุกคามภาวะเศรษฐกิจถดถอย และ
(3) เศรษฐกิจของจีนได้รับ ผลกระทบจากการ Lockdown จาก Covid-19
แต่ปัจจุบัน ปัจจัยทั้ง 3 ปรับตัวดีขึ้น จาก
(1) อัตราเงิน เฟ้อของอเมริกาลดลงจาก 8.2% เป็น 7.7% ในเดือนตุลาคม
(2) ราคาก๊าซธรรมชาติของยุโรปลดลง 2 ใน 3 จากจุดสูงสุดในเดือนสิงหาคม จีนได้คลายข้อจำกัดบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย “Zero covid” และ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ออกมาตรการเพื่อบรรเทาแรงกดดันทางการเงินต่อผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ปัจจัยบวกทั้งสามทำให้หุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้น 13% ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม เนื่องจากนักลงทุนหวังว่าจะทำให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยน้อยลงทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยการลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ ระบุว่า เมื่อพิจารณาแล้ว ปัจจัยทั้งสามยังมีความเสี่ยง เงินเฟ้อของอเมริกากำลังลดลงเนื่องจาก ปัญหาห่วงโซ่อุปทานเริ่มคลี่คลาย ในปี 2021 มีเรือหลายสิบลำจอดนอกท่าเรือลอสแองเจลิสเพื่อรอการ ขนถ่าย เซมิคอนดักเตอร์และรถยนต์มือสองขาดตลาด ปัจจุบันปัจจัยดังกล่าวคลี่คลายลง ภาพเหล่านี้จะดีขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนั้น ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 ปัจจัยฐานต่ำของราคาน้ำมันและโภคภัณฑ์จะหายไป เนื่องจากราคาในปีที่แล้วเริ่มสูงขึ้นจากการที่รัสเซียบุกยูเครน ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงไปอีก
แต่เมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลงระดับหนึ่งแล้ว จะลดลงต่อได้ยากขึ้น เนื่องค่าจ้างของชาวอเมริกันกำลังเติบโตในอัตราสูงกว่า 5% ต่อปี เนื่องจากตลาดแรงงานยังคงตึงตัวมาก มีตำแหน่งงานว่างเกือบสองตำแหน่ง สำหรับผู้ว่างงานทุกคน (ผู้ว่างงานประมาณ 5 ล้านคน ขณะที่ตำแหน่งงานเปิดใหม่ประมาณ 10 ล้าน ตำแหน่ง) เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ 2% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ สอดคล้องกับการเติบโตของค่าจ้าง เพียง 3-4% เท่านั้น แม้ว่าการเติบโตของงานจะชะลอตัวลง แต่ Fed ก็มีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป จนกว่าตลาดแรงงานจะชะลอตัวกว่าปัจจุบัน การลดลงขององค์ประกอบเงินเฟ้อบางอย่างอาจเกิดขึ้นได้ง่าย แต่การกลับมาที่ 2% น่าจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ตลาดการเงินมีมุมมองต่อเศรษฐกิจโลก
วิกฤตการณ์ด้านพลังงานของยุโรปเป็นไปในลักษณะเดียวกัน ราคาก๊าซธรรมชาติลดลงเนื่องจากระดับคลังสำรอง เพิ่มสูงขึ้นและสภาพอากาศไม่หนาวรุนแรง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของยุโรปกำลังหดตัว และเป็นเพียงช่วงเริ่มต้น ของวิกฤติพลังงานที่จะกินเวลาอย่างน้อยสองฤดูหนาว ปีหน้ายุโรปอาจต้องเพิ่มคลังสำรองโดยไม่ใช้ก๊าซจากรัสเซีย อากาศอาจเย็นลงและราคาก๊าซธรรมชาติเหลวทั่วโลกอาจสูงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจาก ราคาพลังงานจะทรงตัว แต่อัตราเงินเฟ้อทั่้วไปของสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 11.1% ในเดือนตุลาคมไม่รวมอาหาร และพลังงานอยู่ที่ 6.5% การเติบโตของค่าจ้างทั่วยุโรปกำลังเพิ่มขึ้นและการคาดการณ์เงินเฟ้อก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ยากต่อการรักษาสมดุลระหว่างอัตราเงินเฟ้อกับการสนับสนุนเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจของจีนมีศักยภาพมากที่สุดที่จะขยายตัวเกินคาดในปี 2023 เนื่องจากในปี 2022 เศรษฐกิจจีนได้รับความ เสียหายอย่างมากจากนโยบาย Zero covid และวิกฤตอสังหาฯ
อย่างไรก็ตาม ทางการจีนได้ปรับเปลี่ยน 20 ข้อต่อกฎโควิดและ 16 มาตรการเพื่อช่วยเหลือบริษัทอสังหาฯ แต่หนทางข้างหน้าจะยาวไกลและยากลำบาก การติดเชื้อที่ เพิ่มขึ้นหมายถึงการ Lockdown เพิ่มเติมอาจใกล้เข้ามาการจัดการการสิ้นสุดของโควิดเป็นศูนย์จะช่วยเพิ่มการ เติบโต แต่ "คลื่นการระบาดรอบสุดท้าย" (exit wave) ของการติดเชื้ออาจนำมาสู่ความวุ่นวายในประชากรที่แทบไม่เคยได้สัมผัสกับไวรัส ซึ่งอาจทำให้เกิดความตื่นตระหนกและสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ มาตรการด้าน อสังหาริมทรัพย์ได้ช่วยผู้พัฒนาโครงการและลดโอกาสของการล่มสลายทางการเงิน แต่ความต้องการที่อยู่อาศัย และการสนับสนุนการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยการลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ มองว่า เศรษฐกิจโลกจะชะลอลงในปี 2023 โดยเศรษฐกิจยุโรปจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากวิกฤต พลังงาน ขณะที่สหรัฐอาจเกิดความเสี่ยงภาคการเงิน ทำให้ตลาดผันผวนและทำให้ Fed ต้องลดดอกเบี้ยแม้เงินเฟ้อจะยังไม่ลดลงเข้าสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ทำให้เศรษฐกิจยูโรโซนและสหรัฐหดตัวที่ -0.2% และขยายตัวต่ำที่ 0.3% ตามลำดับ ด้านเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวขึ้นจากการเปิดประเทศ (เราคาดว่าจะยกเลิก Zero covid ณ ไตรมาส 2) ภาวะฐานต่ำ และการบริโภคภาคเอกชนจากเงินออมที่ 5.86 ล้านล้านหยวนหรือ 3.4% ของ GDP
ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์
• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD
———————————————————————
ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Website : https://bit.ly/TNNWealthWebsite
• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok
หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O